โตแรงท้าโควิด-19!! 'W'ดันโดมิโน่ส์พิซซ่าขยายตลาด
วาวแฟคเตอร์ลุยสยายปีกแบรนด์อาหาร ไตรมาส2 ดันเรือธง‘โดมิโนส์พิซซ่า’ ลุยเปิด 20-30 สาขา ดันรายได้ปี 64 เติบโต 100-200%
นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W เปิดเผยถึงแผนปี 2564 ว่า จะเร่งขยายสาขาทั้งโดมิโน่ส์พิซซ่า (Domino’s Pizza) ซึ่งเตรียมเปิดเพิ่มอีก 20-30 สาขา ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป เพื่อปิดช่องว่างของดีมานด์นอกพื้นที่ส่งในเมืองทั้งหมด และลุยเปิดร้านสเต็ก “Le Boeuf” รูปแบบใหม่ ย่านอารีย์ พระราม 9 และเพลินจิต นอกจากนี้ยังเปิดเกมรุก “ชาบู Kagonoya” เข้าห้างและเริ่มเสิร์ฟดีลิเวอรี่ 24 ชั่วโมง รวมถึงนำเสนอขนมใหม่ๆ ภายใต้เครือ Bake ตามคอนเซปต์ “Bake Works” ที่เป็นการรวมขนมทุกแบรนด์ในร้านเดียว
บริษัทมีเป้าหมายการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในปี 2564 โดยตั้งเป้ารายได้รวมโดยมีอัตราการเติบโตจากปี 2563 อย่างน้อย 100-200% ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการเปิดสาขาใหม่ๆ โดยทีมบริหารมั่นใจกลุ่มธุรกิจอาหารในปัจจุบันมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านบริการ สินค้า หรือการปรับตัวเข้าสู่ตลาด ดีลิเวอรี่ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
"เป้าหมายหลักปีนี้ คือการเร่งขยายจำนวนสาขาในทุกแบรนด์ รวมถึงการนำเสนอสาขารูปแบบใหม่ๆ ที่มีสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งเข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั้งในด้านราคาและที่ตั้ง โดยเฉพาะแบรนด์โดมิโน่ส์พิซซ่า"
ทั้งนี้ โดมิโน่ส์พิซซ่า ยังคงเป็นสินค้าเรือธงของกลุ่มบริษัท เพราะตลาดพิซซ่าในเมืองไทยมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท บริษัทใช้เวลาในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ยกระดับพื้นฐานของโดมิโน่ส์ให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศซึ่งประสบความสำเร็จเป็นแบรนด์พิซซ่าอันดับต้นๆ มากกว่า 90 ประเทศในปัจจุบัน
สิ่งที่ทุกประเทศมีเหมือนกันคือการนำสูตรสำเร็จในการประกอบธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับ Product, Image และ Service มาประยุกต์ใช้กับความต้องการพื้นฐานของลูกค้า
เชื่อว่าปัจจุบันโดมิโน่ส์ ภายใต้ชายคาของ “W” ในประเทศไทย มีความพร้อมที่จะเป็นแบรนด์พิซซ่าระดับต้นๆ แล้ว อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังขาดอยู่ คือ จำนวนสาขาที่ไม่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่อยู่นอกเขตส่ง ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนมากที่ชอบสินค้าและบริการของโดมิโน่ส์แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และเรียกร้องมายังบริษัท
“เราอยากบอกลูกค้าทุกท่านว่าเราได้ยิน Complain เหล่านั้นและพยายามอย่างยิ่งที่จะตอบโจทย์ลูกค้าทุกท่านให้ได้”
ดังนั้น เป้าหมายหลักของโดมิโน่ส์ในปี 2564 คือ การขยายสาขาเพื่อปิดช่องว่างเขตส่งที่ยังว่างอยู่ โดยเฉพาะในเขตหลักของกรุงเทพฯ โดยจะเริ่มเปิดในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป
โดมิโน่ส์ ยังมีโอกาสเติบโตในตลาดพิซซ่าและตลาดอาหารของประเทศไทยได้อีกมาก ปัจจุบันมีสาขา 26 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 25 สาขา พัทยา 1 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นโดยส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาเพิ่มได้อีก 20-30 สาขา ในไม่ช้า
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายสาขาร้านอาหารและร้านขนม 6 แบรนด์ดังในเครือ เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภค ประกอบด้วย
1.Bake Cheese Tart ชีสทาร์ตสุดฮิตจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
2.Zaku Zaku ชูครีม Croquant ต้นกำเนิดจากฮอกไกโด
3.RAPL พายแอปเปิลครีมคัสตาร์ดนำเข้าจากฮอกไกโด
4.Crépes & Co. ร้านเครปสไตล์ฝรั่งเศสแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร
5.Kagonoya ร้านบุฟเฟต์ชาบูระดับพรีเมียมชื่อดังจากเมืองโอซากาที่เปิดให้บริการในไทยมากว่า 8 ปี
6.Le Boeuf ร้านอาหารแนว Fine Dining ภายใต้คอนเซ็ปต์ Steak & Fries Bistro Le Boeuf
โดยในส่วนของร้านเสต็ก Le Boeuf เตรียมเปิดสาขาอารีย์ พระรามเก้า และเพลินจิต โดยสาขาแรกที่อารีย์จะเปิดในช่วงเดือน ก.พ. 64 นี้ ส่วนสาขาอื่นๆ จะทยอยเปิดตามในช่วงไตรมาส 3 และ 4 “Le Boeuf สาขาใหม่ที่เปิด จะเป็นการประยุกต์ทั้ง Le Boeuf และ Crépes & Co. เข้าด้วยกัน โดยมีสาขานำร่องที่โครงการโนเบิล รีฟอร์ม อารีย์ คอนเซปต์ใหม่นี้จะเป็นการนำเสนอจุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ โดยร้านใหม่จะเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น และอยู่ใน Location ที่เข้าถึงง่ายขึ้น ประกอบกับอาหารที่นำเสนอก็จะเป็นอาหารจากทั้งสอง Brand โดยจะเน้นอาหารแบบ French Bistro ในช่วงกลางวัน และ French Steak House and Wine ในช่วงกลางคืนเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม”
ด้านร้านบุฟเฟต์ชาบู Kagonoya ยังได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องความต้องการผู้บริโภค โดยจะมีการเปิดสาขาเพิ่มเติมในปี 2564 2-3 สาขา จะเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในที่่มี Traffic กลุ่มลูกค้ามากกว่าเดิมเช่น ห้างใหญ่ หรืออาคารสำนักงาน รวมทั้งจะส่งเสริมการขายสินค้าผ่านช่องทางดีลิเวอรี่ โดยจะเริ่มทำ ดีลิเวอรี่ 24 ชั่วโมงในบางสาขา
“เราได้เปิด Kagonoya สาขาใหม่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้าในช่วงเดือนธ.ค. ที่ผ่าน ซึ่งเราบอกได้เลยว่าสาขาปิ่นเกล้าเป็นสาขาที่มียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของสาขาทั้งหมด มีแผนที่จะเปิดอีก 2-3 สาขาในปี 2564 ในทำเลที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน รวมถึงการกระตุ้นการขายผ่านช่องทางดีลิเวอรี่ ซึ่งในช่วงไตรมาส 2 จะมีบางสาขาที่เริ่มการขาย 24 ชั่วโมง"
นโยบายหลักของ Kagonoya ปีนี้เรายังคงมุ่งเน้นที่สินค้า บริการและความแปลกใหม่เป็นหลัก โดยเฉพาะเนื้อที่เราใช้เป็นเนื้อที่คุณภาพสูง มาก ซึ่ง Kagonoya เป็นหนึ่งแบรนด์ในกลุ่มที่มียอดขายและอัตราการทำกำไรที่สูงอยู่แล้ว โดยยอดขายในปี 2564 เมื่อรวมกับสาขาใหม่ๆ เชื่อว่าจะเห็นอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นกัน
“สำหรับ Brand อื่นๆ ในกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่ม Bake ก็มีพัฒนาการที่สำคัญ โดยเราได้รับอนุมัติจากทาง Franchisor ในการดำเนินร้านในลักษณะการรวมทุก Brand ในร้านเดียว ภายใต้ Concept Bake Works การปรับโครงสร้างครั้งนี้ทำให้กลุ่ม Bake มีต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งค่าเช่าและค่าแรง โดยกลุ่ม Bake ก็อยู่ระหว่างการเปิดสาขาใหม่ๆ ภายใต้ Concept Bake Works รวมถึงการหาขนมใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
นายศิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “แนวโน้มผลการดำเนินในปี 2564 คาดว่าจะเทิร์นอะราวด์ตามแผน และ EBITDA จะพลิกกลับมาเป็นบวกภายในปี ในทุกแบรนด์ เราเชื่อว่าเราผ่านจุดที่เป็นการพัฒนาแบรนด์ให้มีความพร้อมและความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้ในตลาดอาหารของไทยได้ และอยู่ในช่วงที่จะเน้นเรื่องการขยายสาขาเพื่อให้บริษัทมีสเกลที่ใหญ่พอที่จะผ่านจุดคุ้มทุนในภาพรวม ถ้าแผนการเปิดสาขาต่างๆ เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เชื่อว่าเราจะมีรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อาจเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 100-200% และเมื่อสเกลถึงจุดที่เหมาะสม บริษัทก็จะกลับมามี EBITDA เป็นบวก”