“จุรินทร์”ตรวจงาน”พาณิชย์ ลดราคา”
“จุรินทร์”ลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้าเทศกาลตรุษจีน จับตาสต็อกน้ำมันปาล์ม ลั่นยังไม่จำเป็นต้องควบคุม ขอเอกชนให้ความร่วมมือตรึงราคาขายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่เกิน 42 บาท เตรียมพร้อมรับมือปริมาณผลไม้ภาคตะวันออก มั่นใจไร้ปัญหา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการลงพื้นที่ สำรวจราคาสินค้าในช่วงเทศกาล ตรุษจีนในโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน" ณ ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา กทม. ว่าโครงการดังกล่าวจะมีไปถึง วันที่ 14 ก.พ. นี้ โดยในโครงการดังกล่าวจะประกอบด้วย รถเคลื่อนที่หรือรถโมบาย กระจายไปในทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เพื่อจำหน่ายสินค้าสำคัญ ๆที่จะต้องใช้ในเทศกาลตรุษจีนในราคาถูกเป็นพิเศษเช่นไข่ แผงละ 70 บาท เฉลี่ยฟองละ 2.33. บาท น้ำมันปาล์มขวดละ 42 บาท หมูเนื้อแดง กก.ละ 130 บาท นอกจากนี้ยังมีตลาดสดที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมการค้าภายใน(คน.) ในกรุงเทพ 20 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 393 แห่ง กระจายทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีตลาดสดยุติธรรมในกรุงเทพมี 20 แห่ง ต่างจังหวัดมี 70 แห่ง ซึ่งก็จะขายสินค้าในราคาในราคาที่ถูกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจราคาสินค้าในช่วงตรุษจีนปีนี้พบว่าราคาต่ำกว่าปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความต้องการซื้อลดลงเพราะผลจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนระวัดระวังการจับจ่าย บวกกับการที่กระทรวงได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการทุกภาคส่วนในการตรึงราคาสินค้า นอกจากนี้ยังกำชับให้พาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่สำรวจราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดหากพบการเอาเปรียบประชาชนก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงราคาปาล์มน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ว่า ปัจจุบันราคาผลปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จาก กก.ละ 3.00 – 3.50 บาท เป็น กก.ละ 7.00 บาท ในช่วงปลายปี 2563 และทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง กก.ละ 7.50 บาท ในปัจจุบัน ซึ่งก็ทำให้ต้นทุนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็พยายามหารือกับผู้ประกอบการว่าหากเป็นสต็อกเดิมก็ต้องจำหน่ายในราคาเดิมห้ามขายเกินราคาและหากเป็นสต็อกใหม่ก็ขอให้ขายพยายามคุมราคาขายไว้เท่าที่จะทำได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการอย่างดี
อย่างไรก็ตามก็ได้กำชับให้กรมการค้าภายใน (คน.) หารือกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แต่ก็ต้องให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์คือเกษตรกรขายผลปาล์มได้ราราคาดี ขณะเดียวกันประชาชนก็ต้องไม่เดือดร้อน แต่ก็ยอมรับว่าหากไปกดราคาปาล์มที่เกษตรกรควรได้รับลงเพื่อจะได้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในราคาที่ต่ำลงก็จะทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ ส่วนจะประกาศให้น้ำมันปาล์มกลับมาเป็นเป็นสินค้าควบคุมราคาสูงสุดหรือไม่นั้นเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นเพราะยังสามารถบริหารจัดการได้ ด้วยการทำตารางผลผลิต ราคา ต้นทุน เพื่อกำหนดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดร่วมกับกับทุกฝ่ายซึ่งก็เป็นที่ยอมรับ แม้ว่าจากราคาผลปาล์มที่สูงขึ้นก็ต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันปาล์มอาจสูงขึ้นไปมากกว่า 42 บาทต่อขวดแต่ภายใต้การประสานงานของกรมการค้าภายในกับผู้ผลิตก็ยังสามารถกดราคาลงได้แม้ว่าจะสูงกว่าราคาก่อนหน้านี้บ้าง ซึ่งก็ต้องเข้าใจเพราะราคาผลปาล์มต่างกันมาก
“เราต้องมองสองด้านคือในช่วงนี้ผลปาล์มราคาดีเพราะผลผลิตออกมาน้อย ส่งผลดีต่อเกษตรกร ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเข้าใจ แต่ในเดือนมี.ค. ที่จะถึงนี้ผลผลิตก็จะทยอยออกมามากขึ้นตามฤดูกาล กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาอย่างใกล้ชิดเพราะราคาตอนนั้นอาจตกลงมาได้” นายจุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้น้ำมันปาล์มเคยเป็นสินค้าควบคุมที่กำหนดราคาสูงสุดแนะนำให้จำหน่ายที่ราคา 42 บาท แต่ในเดือนก.พ. 2562 ได้มีการยกเลิกให้ราคาแนะนำเพื่อให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
นายจุนินทร์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออกที่กำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ว่า ได้เตรียมมาตรการเชิงรุกไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อไม่ให้ผลผลิตออกมาแล้วล้นทะลักแล้วจึงเข้าไปแก้ไขปัญหา ขณะนี้ก็ยังใช้มาตรการเดิมในปีที่แล้ว ทั้งการส่งเสริมการบริโภคในประเทศ ส่งเสริมการส่งออก แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรค เช่นการประสานให้เปิดด้านค้าชายชายแดน ผ่านแดนเพื่อให้ผลไม้จากไทยสามารถส่งออกไปยังเวียดนามและส่งต่อไปยังจีนที่เป็นตลาดหลักของไทยได้มากและสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาเก็บผลไม้ในไทยซึ่งประเด็นดังกล่าวได้กำชับให้หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ในพื้นที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมพร้อมป้องกันปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร