โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ งัดโปรแถมทองแท่ง กระตุ้นดีมานด์ตลาดขอนแก่น

นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยว่า จากกระแสการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค สำหรับโครงการใหม่ “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ - ขอนแก่น” คอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ 8 ชั้น บนเนื้อที่ 1 ไร่ 266 ตารางวา มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา แม้ว่าการเปิดขายโครงการจะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม แต่ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วประมาณ 40% จากจำนวนห้องชุดทั้งหมด 236 ยูนิต

โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ เดินหน้าชิงดีมานด์ตลาดขอนแก่นจัดโปรโมชั่น “Ocean Gold Pro” แถมทองแท่งฉลองตรุษจีน ยิ่งซื้อมาก ยิ่งได้ทองทวีคูณ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน รับทองทวีคูณสูงสุดหนัก 16 บาท* เมื่อจองเเละทำสัญญาโครงการ โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ – ขอนแก่น 1 ห้อง แถมทองแท่งหนัก 1 บาท, จองเเละทำสัญญา 2 ห้อง แถมทองแท่งหนัก 4 บาท หรือจองเเละทำสัญญา 3 ห้อง แถมทองแท่งหนัก 9 บาท และจองพร้อมทำสัญญา 4 ห้อง แถมทองแท่งหนัก 16 บาท

“มองว่าช่วงนี้เป็นโอกาสทองของลูกค้าที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมคุณภาพราคาคุ้มค่ามาก ในระดับราคาเริ่มต้นแค่ 1.39 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นกลุ่มราคาที่ยังมีดีมานด์ค่อนข้างมาก สะท้อนจากยอดของผู้ซื้อโครงการ โดยมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 70-80% ซึ่งลูกค้าหลักจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และข้าราชการ จึงคิดว่าแคมเปญนี้จะสนับสนุนผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย และเพื่อการลงทุนมากยิ่งขึ้น” นายณพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ โครงการได้รับกระแสตอบรับที่ดี คาดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าให้การตอบรับและตัดสินใจซื้อ คือโปรดักส์ตอบโจทย์ลูกค้าเรียลดีมานด์ซึ่งกำลังมองหาคอนโดมิเนียมราคาคุ้มค่า แต่ยังต้องการฟังก์ชั่นที่มีคุณภาพ มีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ดีไซน์ทันสมัย และตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก โดยโครงการตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ทำเลที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางเมืองเศรษฐกิจอีสาน อยู่ใกล้โรงพยาบาลราชพฤกษ์ (ใหม่) เพียง 50 เมตร, ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพียง 1 กิโลเมตร อีกทั้งยังใกล้กับเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น, ศาลหลักเมือง, บิ๊กซี และห่างจากสนามบินขอนแก่นเพียง 10 นาทีเท่านั้น และมีองค์ประกอบครบถ้วนในด้านการเดินทางในอนาคตกับรถไฟฟ้ารางเบา ที่จะพร้อมเปิดบริการประมาณต้นปี 2565 ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้พักอาศัยมากที่สุด

นายณพงศ์ กล่าวต่อว่า ทิศทางสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปี 2563 และจะกลับสู่ภาวะปกติในเวลาไม่นาน จากการปรับตัวเข้าสู่ยุค นิวนอร์มอล ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายบริษัทต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว แต่เชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีการแข่งขันสูงในเรื่องของโปรโมชั่นยังคงดุเดือด เพราะทุกบริษัทต้องการเติบโต อีกทั้งปัจจัยบวกจากมาตราการรัฐ ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้กับบ้าน และคอนโด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 0.01% และอัตราดอกเบี้ยต่ำยาวนาน ทำให้กระตุ้นความต้องการซื้อมากยิ่งขึ้น