ไทยวอนจีน 'ปล่อยน้ำ' เขื่อนจิ่งหงเพิ่ม หลังน้ำโขงลดต่ำ
การลดลงของระดับน้ำมีสาเหตุมาจากการลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้แจ้งเตือนว่าจะมีการลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2564 ก่อนระดับน้ำจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ ระบุ กรณีน้ำแม่น้ำโขงในปัจจุบันที่ลดลงอย่างรวดเร็วจนอยู่ในระดับที่น่าเป็นกังวลนั้น คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ชี้ว่าการลดลงของระดับน้ำมีสาเหตุมาจากการลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้แจ้งเตือนว่าจะมีการลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2564 ก่อนระดับน้ำจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
แต่หลังจากที่ สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิด พบว่าหลังจากวันที่ 25 มกราคมเป็นต้นมา อัตราการปล่อยน้ำจากเขื่อนจิ่งหงยังไม่กลับคืนสู่อัตราเดิม โดยในช่วงวันที่ 9-15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำที่สถานีจิ่งหง วัดได้ที่ 1,010 - 1,064 ลบ.ม./วิ ทำให้ปัจจุบันมีปริมาณน้ำที่สถานีเชียงแสน 1,028-1,058 ลบ.ม./วิ ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1,540 ลบ.ม./วิ
แม้กระทรวงการต่างประเทศของจีนชี้แจงว่า ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนจิ่งหง ณ ปัจจุบัน ที่ 1,000 ลบ.ม./วิ มีค่าเป็น 2 เท่า ของการไหลตามธรรมชาติ แต่อัตราการไหลควรเพิ่มเป็นประมาณ 1,600 - 1,700 ลบ.ม./วิ จึงจะสามารถทำให้ปริมาณน้ำและระดับน้ำที่สถานเชียงแสน กลับเข้าสู่สภาวะน้ำเฉลี่ย ในช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไปได้
สทนช.ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประสานแจ้งไปยังกระทรวงน้ำจีนทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง สาขาทรัพยากรน้ำ เพื่อขอความร่วมมือในการกลับมาปล่อยน้ำในระดับปกติ และแบ่งปันแผนรายไตรมาสที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อระดับน้ำไปยังประเทศสมาชิก
รวมถึงประสานกระทรวงการต่างประเทศของจีนรับทราบถึงปัญหาสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งรัดให้ฝ่ายจีนพิจารณาดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ตามที่ สทนช. เสนอไป 3ปีะเด็น คือ 1.การแจ้งเตือนข้อมูล ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการระบายน้ำที่ 400 ลบ.ม./วิ เพื่อเป็นการแจ้งหน่วยงานในพื้นที่และประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อวางแผนต่อการเปลี่ยนแปลงการขึ้นลงระดับน้ำ
2.การขอให้เขื่อนจิ่งหง มีอัตราการระบายน้ำจากเขื่อนในเดือน ก.พ. 1,600 ลบ.ม./วิ และ มี.ค. 1,900 ลบ.ม./วิ
และ 3.การปล่อยน้ำจากตัวเขื่อนจิ่งหงในแต่ละวัน ไม่ควรเปลี่ยนอัตราการระบายมากกว่า 400 ลบ.ม./วิ ภายใน 1 วัน เนื่องจากความเร็วดังกล่าวจะมีผลต่อระดับน้ำบริเวณท้ายน้ำ โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ทำให้ระดับน้ำขึ้นลงภายใน 1 วัน ซึ่งเป็นความผันผวนของระดับน้ำที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตริมฝั่ง เช่น การเลี้ยงปลาในกระชัง การพังของตลิ่ง หรือกิจกรรมทางด้านประเพณี วัฒนธรรม
ทั้งนี้ ค่าอัตราการระบายดังกล่าว ยังไม่รวมกับปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาที่จะผนวกทำให้ยิ่งเกิดความผันผวนของระดับน้ำมากขึ้น
แม้สาเหตุของการลดระดับของแม่น้ำโขงอาจประกอบไปด้วยหลายปัจจัย แต่การปล่อยน้ำจากเขื่อนถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญ โดยปัจจุบันระดับน้ำลดต่ำมากจนไม่มีการไหลเวียน เกิดการตกตะกอน กลายเป็นปรากฏการณ์ที่น้ำในแม่น้ำเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ซึ่งถือเป็นความผิดปกติที่สร้างผลเสียต่อระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตรวมทั้งการประกอบอาชีพของประชาชนริมฝั่งโขง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบกลับจากทางการจีน