โควิดเอฟเฟกต์ฉุดศก.ซึมยาว ‘เอพี’ปรับเกมรุกลุยคอนโดต่ำ3ล้าน
“อนุพงษ์ อัศวโภคิน ”ซีอีโอ-เอพี หนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทยส่งสัญญาณเตือน! ความท้าทายของการขับเคลื่อนธุรกิจจากแรงกระเพื่อมโควิดส่งผลเศรษฐกิจซึมยาว!
อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 สร้างบททดสอบและบทเรียนหลายประการให้ทุกคนในโลก และยังคงต้องวนเวียนอยู่กับสภาวะความปั่นป่วน ความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต่างไปจากเดิม และไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม แม้ว่าการมาของวัคซีนจะเป็นความความหวัง แต่หนทางเดินเพื่อให้ไปถึงแสงแห่งความหวังนั้นยังอีกยาวไกล
“สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดตอนนี้คือ Ripple Effect หรือปรากฏการณ์ระลอกคลื่น ที่ศูนย์กลางก็คือความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเวลาในการฟื้นตัวที่ต้องลากยาวออกไปอีกหลายปี”
มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีก่อนกลับสู่ภาวะเดิมก่อนโรคโควิดระบาด ขณะที่โมเดลจำลองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ให้เห็นถึงสมมติฐานว่า ปี 2570 เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับไปสู่ที่เดิม แต่นั่นคือการคืนกลับในเชิงตัวเลข ความน่ากลัวที่แฝงอยู่ คือ วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้จะเปลี่ยนไป และจะยังคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากวันนี้ไปอีกหลายปี
“เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเปลี่ยนโลก ต้องพร้อมรับกติกาโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ไม่หยุดพัฒนา เพื่อจะคงอยู่และเติบโตได้อย่างมั่นคง”
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานของ McKinsey ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วช่วงปีที่ผ่านมา เช่น การใช้ e-Commerce ของร้านค้าปลีกของสหรัฐ ที่เคยคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 5 ปี จึงจะแตะระดับ 24% แต่วิกฤติโควิดดันให้พุ่งสูงถึง 33% ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
รายงานของ “We Are Social” ระบุด้วยว่า “ประเทศไทยครองแชมป์การทำธุรกรรมการเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง เป็นอันดับ 1 ของโลก” สูงถึง 68.1% ต่อเดือน ใครตามไม่ทันก็ไม่สามารถคงอยู่ได้
“สถานการณ์ปัจจุบันไม่ต่างจากเราอยู่ในเรือที่กำลังฝ่ามรสุมที่รุนแรง หากจะผ่านพ้นมรสุมนี้ไปได้ เราต้องรู้ว่าเรือจะแล่นไปในทิศทางใดที่ถูกต้อง ในเรือมีเครื่องมือที่จะฝ่าฟันไปในทิศทางที่เราต้องการ รวมทั้งความสามารถและการร่วมมือของบุคลากรในเรือที่จะใช้เครื่องมือนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ”
เอพี ไทยแลนด์ รับมือการเปลี่ยนแปลงด้วยวิชั่น มิชชั่น EMPOWER LIVING เปรียบเป็น”เข็มทิศ” นำทางพนักงานกว่า 2,000 คน เดินไปสู่ผลลัพธ์ภายใต้ 3 กลยุทธ์ในการขับเคลื่อน กลยุทธ์แรก สร้างทุกคนในองค์กรให้เป็น “ผู้นำ” ที่มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจ โดยมุ่งไปที่ “ความต้องการของลูกค้า” มากกว่า “ข้อกำหนดของบริษัท” หรือ “ข้อจำกัดขององค์กร”เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในโลกที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพกว่าอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คนเพียงไม่กี่คนในองค์กร
กลยุทธ์ที่สอง สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม ปลูกฝังให้พนักงานมีระบบการคิดตามหลัก DESIGN THINKING เชื่อว่าทุกคนเป็นนักคิด นักสร้างสรรค์ได้ ถ้าได้เรียนรู้ การคิดวิเคราะห์อย่างมีกระบวนการ วันนี้ การสร้างนวัตกรรมไม่ได้เป็นเพียง “ฝันถึงสิ่งใหม่ ที่ยิ่งใหญ่” เท่านั้น แต่นวัตกรรมที่มีค่าที่สุดคือสิ่งที่ตอบ “Unmet Need” หรือ “ความต้องการที่ซ่อนอยู่” ของลูกค้าได้
กลยุทธ์ที่สาม การทรานฟอร์มทุกมิติของการดำเนินงานเข้าสู่ระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วในการวิเคราะห์ค้นหา Unmet Need ของลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี2563 เติบโตแบบก้าวกระโดดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในมิติรายได้รวมที่เติบโตสูงกว่า 40% จากปีก่อนหน้า หรือเท่ากับ 46,130 ล้านบาท กำไร 4,225 ล้านบาท เติบโต 38%
แต่เศรษฐกิจปีนี้เหนื่อย! โควิดกระทบเอสเอ็มอีอย่างมาก เศรษฐกิจมีภาพลวงตาว่าดี แต่อย่าลืมว่าเป็นการโตจากติดลบ 6-7% ฉะนั้นตลาดมึนๆ ซึมๆ การหาเงินพัฒนาโครงการยากขึ้น วันนี้กู้เงินทำคอนโดยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา “คอนโด” ค่อนข้างสะบักสะบอมจากซัพพลายจำนวนมาก
"วันนี้ไม่มีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดของวิกฤติครั้งนี้จะเป็นเมื่อไร มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ท่ามกลางความผันผวน เอพี ไทยแลนด์ จะไม่หยุดทำหน้าที่! ในการเป็นผู้สร้างและจัดหานวัตกรรมสินค้าหรือบริการ หลังผจญภัยมาตลอด 30 ปี เรามาไกลจนจำตัวเองในวันแรกไม่ได้แล้วแต่ยังคงต้องปรับเปลี่ยนอีกเยอะ เพื่อเดินหน้าต่อไป"
ปี 2564 เอพีจะมีโครงการอสังหาฯ พัฒนาทั่วประเทศมากถึง 147 โครงการ มูลค่าพร้อมขาย 121,890 ล้านบาท วางเแผนเปิดตัว 34 โครงการใหม่ มูลค่า 43,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 28,800 ล้านบาท และคอนโด เปิดตัวครึ่งปีหลัง 4 โครงการ มูลค่า 14,200 ล้านบาท มีโครงการอยู่ระหว่างการขายกระจายไปทุกทำเลทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 113 โครงการ มูลค่าสินค้าพร้อมขาย 78,890 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารับรู้รายได้ (รวม 100% JV) 43,100 ล้านบาท ยอดขาย 35,500 ล้านบาท
โอกาสตลาดยังมีแต่ต้องเลือกเล่นในเซ็กเมนต์ สำหรับ “เอพี” สินค้าส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-10 ล้านบาท ซึ่งซัพพลายเริ่มหายไป และมีเซ็กเมนต์ที่น่าสนใจ คือ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการรุกทำตลาด