ลุ้นผล ‘สธ.’ ยันฉีด ‘แอสตร้าเซเนก้า’  หนุนไทม์ไลน์ ‘เปิดประเทศ’ ตามแผน ดีเดย์ 1 เม.ย.64

ลุ้นผล ‘สธ.’ ยันฉีด ‘แอสตร้าเซเนก้า’  หนุนไทม์ไลน์ ‘เปิดประเทศ’ ตามแผน ดีเดย์ 1 เม.ย.64

ลุ้นผล “สธ.” ยันฉีดวัคซีน “แอสตร้าเซเนก้า” หนุนรัฐบาลเดินหน้าไทม์ไลน์ “เปิดประเทศ” รับต่างชาติเที่ยวไทยตามแผน ดีเดย์ 1 เม.ย.64

หลังจากวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แถลงด่วนถึงกรณีชะลอการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 “แอสตร้าเซเนก้า” ให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมถึงคณะรัฐมนตรี เนื่องจากมีรายงานจากต่างประเทศมีการประกาศระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าว หลังพบว่าผู้รับวัคซีนเกิดลิ่มเลือดและมีผู้เสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

ทาง สธ.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นทางการจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วโลก คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า และจะได้ดำเนินการฉีดต่อไปตามแผนที่กำหนดไว้ หลังมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าที่มีการชะลอฉีดในหลายประเทศว่า อาการที่เกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับวัคซีนดังกล่าว

กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยผ่อนคลายการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ประกาศไทม์ไลน์ "เปิดประเทศ" อย่างชัดเจนว่าพร้อมดีเดย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 เป็นต้นไป แต่ยังต้องกักตัวอยู่ จำนวนวันกักตัวขึ้นกับว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาได้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วหรือไม่ ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ “ไม่กักตัว” จะดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป 

แน่นอนว่าภาคท่องเที่ยวต่างภาวนาว่าขอให้สามารถดำเนินการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าได้ตามแผน เพราะวัคซีนถือเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในปีนี้

161572051879

ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยถึงผลการประชุมของบอร์ดป้องกันโรคติดต่อว่า ในวันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป รัฐบาลไทยจะมีการผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว สามารถเข้ามาพักในโรงแรมที่เป็น “แอเรีย ควอรันทีน” (Area Quarantine) โดยอยู่ในบริเวณโรงแรม 7 วัน และสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อในจังหวัดอื่นๆ ได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ต้องกักตัวภายในบริเวณโรงแรมเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะมีการนำเสนอประเทศที่อยู่ในความเสี่ยงกลางเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เช่นเดียวกับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เยอรมนี อิตาลี อังกฤษ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฯลฯ ประเทศเหล่านี้ เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักๆ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจะมีการนำเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ วันที่ 19 มี.ค.นี้

รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการเปิดประเทศรูปแบบต่างๆ ในลักษณะระบบเปิด หรือ “Open System” เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางด้วยวีซ่าประเภทท่องเที่ยว (Tourist Visa : TR) ผ.45 ซึ่งสามารถพำนักในไทยได้ 45 วัน เพิ่มจากเดิมที่พำนักได้ 30 วัน (ผ.30), วีซ่าประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV), Yatch Q, วีซ่าพำนักระยะยาว (Long Stay), สมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด และอื่นๆ

ตามไทม์ไลน์เปิดประเทศ เบื้องต้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในช่วงเฟสที่ 1 (เม.ย.-พ.ค.2564) และเฟสที่ 2 (มิ.ย.-ก.ย.2564) จะต้องเข้าพักในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการแอเรีย ควอรันทีน และผ่านหลักเกณฑ์เท่านั้น ส่วนจำนวนวันกักตัว ผู้ที่ได้รับวัคซีนจะต้องกักตัว 7 วัน ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนจะต้องกักตัว 10 วัน โดยพื้นที่เป้าหมายมี 7 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ชลบุรี เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ

ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ในแอเรีย ควอรันทีน ช่วงเฟสที่ 1 มีการใช้ห้องฟิตเนส ออกกำลังกายกลางแจ้ง การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน (กรณีมีสถานที่ที่มีลักษณะปิดและควบคุมได้) การซื้อสินค้าและอาหารจากภายนอก ขณะที่เฟสที่ 2 นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรม และรับบริการนวดได้

ด้านเฟสที่ 3 Trace & Trace (ตั้งแต่ ต.ค.2564 เป็นต้นไป) เป็นช่วงที่บุคลากรทางการแพทย์กลุ่มเสี่ยงและบุคลากรทางการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้จะมีการพิจารณายกเลิกการออกใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (Certificate of Entry : COE) บางประเทศ ขณะที่จำนวนวันกักตัว จะไม่มีการกักตัว แต่จะใช้มาตรการป้องกันควบคู่ เช่น Vaccine Certificate และระบบติดตามตัว ส่วนพื้นที่เป้าหมาย จะไม่ได้จำกัดแค่ 7 จังหวัดนำร่อง แต่ครอบคลุมทุกพื้นที่

โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายของการเปิดประเทศรูปแบบต่างๆ ในลักษณะ Open System มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลางด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพขนาดใหญ่ที่นำมาซึ่งรายได้สู่ประเทศไทย

สำหรับการเตรียมความพร้อม ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท.จะดำเนินการสร้างการรับรู้และความเข้าใจ ให้ผู้ประกอบการโรงแรม บริษัทนำเที่ยว เตรียมความพร้อม และเข้าร่วมโครงการ จัดทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่เป้าหมาย

ขณะที่ทาง สธ.จะปรับเพิ่มแนวปฏิบัติ (SOP) ในการบริหารจัดการ และการกำกับติดตาม การผ่อนคลายกิจกรรมสำหรับแอเรีย ควอรันทีน และมีแผนการปรับการผ่อนคลายรวมทั้งกลไกในการเตรียมการ