อคส.ซื้อข้าวพื้นนุ่มทำข้าวถุงจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า  (อคส.)เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ว่า อคส. ได้ลงนามซื้อข้าวพื้นนุ่มพันธุ์ กข. 79 กับชาวนา โดยเบื้องต้นรับซื้อปีนี้ในปริมาณ จำนวน 10-20 ตัน เพื่อนำไปบรรจุเป็นข้าวถุงภายในเบรนด์”ข้าวอคส.” วางจำหน่ายในห้างโมเดิร์นเทรดและร้านธงฟ้า เพิ่มเติมจากที่อคส.ทำข้าวถุงหอมมะลิ ส่วนราคารับซื้ออยู่ระหว่างการเจรจา แต่ราคาในตลาดขณะนี้ เฉลี่ยที่ 9,300-9,700 บาทต่อตันข้าวเปลือก เพื่อนำไปบรรจุเป็นข้าวถุงขนาด 5 กิโลกรัม โดยราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ 200 บาทต่อถุง

 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งอคส.จะส่งออกไปต่างประเทศ เบื้องต้นได้ได้เจรจาขายข้าวให้กับตัวแทนนำเข้าข้าวจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งการพุ่งเป้าไปตลาดมาเลเซียก่อนเนื่องจากราคาดีกว่าตลาดอื่นๆแต่ก็ยังมองตลาดอื่นๆอยู่ทั้ง อินโดนีเซีย จีน ฮ่องกง เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่าการจัดทำข้าวพื้นนุ่มบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายเป็นการหารายได้เพิ่มจากเดิม ซึ่งอยู่ในแผนงานการปรับโครงสร้าง ของ อคส. ซึ่งคาดว่า รายได้จากการจำหน่ายข้าวถุงพื้นนุ่มจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาการจำหน่าย ข้าว อคส. ครั้งนี้จากเดิมที่จำหน่ายข้าวถุงหอมมะลิ เชื่อว่าจะสร้างรายได้ในการขายข้าวถุงของ อคส. เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มียอดรายได้อยู่ที่ 300-400 ล้านบาท

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าจะผลิตข้าวได้ตามความต้องการของตลาด หลังจากรัฐบาล ได้เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะปลูก ซึ่งขณะนี้ทางสมาคมมีเป้าหมายในการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวพื้นนุ่มให้กับชาวนา ทั้งพันธุ์ กข 89 กข 87 รวมถึงพันธุ์ข้าว กข 85 ที่เป็นข้าวพื้นแข็ง โดยเกษตรกรได้รับพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวและเริ่มทำการปลูกได้มา 2 ปีแล้ว ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 1 ตันข้าวเปลือก และผลิตข้าวสารได้ 500-600 กก. ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกข้าวพื้นนุ่มอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เช่น ชัยนาท กำแพงเพชร สิงห์บุรี อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม สุพรรณบุรี เป็นต้น

สำหรับราคาข้าวพื้นนุ่ม ราคาตลาดอยู่ที่ 9,300-9,700 บาทต่อตันข้าวเปลือก ส่วนข้าวพื้นแข็งราคาตลาดอยู่ที่ 8,500-8,700 บาทต่อตันข้าวเปลือก ในความชื้นที่ 25% อย่างไรก็ ข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ไม่ได้อยู่โครงการรัฐ โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้ข้าวชนิดดังกล่าวได้เข้าร่วมโครงการด้วย