CHG - ซื้อ (24 มี.ค.64)
เติบโตด้วยศูนย์โรคเฉพาะทาง
CHG มีแผนขยายศูนย์โรคเฉพาะทาง (COE) เพื่อหนุนการเติบโตของรายได้และอัตรากำไร ซึ่งจะเพิ่มรายได้ประกันสังคมและการฟื้นตัวเป็นกำไรของ CH 304 และ RPC เราคาดว่ากำไร CHG จะเติบโต 12% CAGR ในช่วง 2020-2023F เราประเมินมูลค่า 3.8 บาทต่อหุ้น ให้ผลตอบแทนรวม 33% เราคำแนะนำ ซื้อ
การขยายศูนย์โรคเฉพาะทางจะสนับสนุนกำไรเพิ่มขึ้น
CHG มีศูนย์โรคเฉพาะทาง (COE) ที่แข็งแกร่งได้แก่ ศูนย์โรคหัวใจ, ศูนย์ผ่าตัดต่อมือ และ I.C.U. สำหรับทารก และเป็นรพ.ที่รับส่งต่อคนไข้ในจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดในภาคตะวันออก ในปี 2021 บริษัทจะเปิดศูนย์รักษาโรคหลอดเลือดสมองด้วยวิธี mechanical thrombectomy ในสมุทรปราการ และการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารสำหรับคนไข้โรคเบาหวานและความดัน และในปี 2022 บริษัทจะเปิดศูนย์รังสีบำบัด
รายได้ประกันสังคมเติบโตต่อเนื่อง
เราคาดว่ารายได้ประกันสังคมจะเติบโต 7% CAGR ในอีกสามปีข้างหน้า หลังจากเติบโต 15% ในปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรจะสูงขึ้น 0.6% สู่ 32.8% ในปีนี้ และรพ. ที่รับประกันสังคมใหม่ (CH 304) เพิ่มโควตาประกันสังคมอีก 11% สู่ 528,000 รายในปีนี้และ จะเพิ่มอัตราการใช้บริการผู้ป่วยที่โรคซับซ้อน ที่มีอัตรากำไรที่ดี
ผลการดำเนินงานรพ.ใหม่ฟื้นตัว และมีรายได้ค่าบริหาร
เราคาดว่า CH 304 และ RPH จะฟื้นตัวสู่จุดคุ้มทุนในปีนี้ และพลิกเป็นกำไรในปีหน้า รายได้ประกันสังคมจะช่วยทำให้เกิดการประหยัดจากขนาดของ CH 304 ขณะที่สัดส่วนรายได้จากคนไข้โรคซับซ้อน ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงจะเป็นปัจจัยหนุนของ RPC นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากค่าบริหารรพ. 125ลบ. ปีนี้
เริ่มการ coverage ด้วยคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมาย 3.8บาทต่อหุ้น
เราชอบกลยุทธ์ CHG ในการเพิ่ม COE เพื่อหนุนการเติบโตที่มั่นคง เราประเมินมูลค่าหุ้นที่ 3.8 บาทต่อหุ้น ด้วย DCF เทียบเท่า 33X PER ของ 2021F ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 40 เท่า ณ ราคาปิดล่าสุด CHG ให้ผลตอบแทนรวมที่ 33% เราเริ่มการ coverage ด้วยคำแนะนำ ซื้อ