ฟันด์โฟลว์ จ่อไหลเข้าหุ้นไทยหลังสงกรานต์ สภาพคล่อง-กำไรบจ.โตเด่น
“เฟทโก้” คาดเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับซื้อหุ้นไทยไตรมาส2 เหตุ "สภาพคล่องล้น -กำไรบจ.โต40-50%-กระจายวัคซีนตามแผน" บลจ.ยูโอบี ประเมินปีนี้ต่างชาติซื้อสุทธิ3 หมื่นล้าน ด้านบลจ.กสิกรไทย ชี้ หากโควิดคลี่คลายดัชนีมีลุ้นแตะ 1,650 จุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือFETCO เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19ในรอบนี้ มองว่า มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนระยะสั้น 1-2เดือนนี้เท่านั้น เหมือนกับที่ผ่านมา และแทบจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพราะ คุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งในต่างประเทศมีการระบาดหลายระลอก แต่ตลาดหุ้นในหลายประเทศยังปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยต้นเดือนเม.ย. นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยลดลง
สำหรับแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์)คาดว่าจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงหลังสงกรานต์ และต่อเนื่องไตรมาส 2 และจะเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังคงอัดฉีดเม็ดเงินดูแลเศรษฐกิจต่อเนื่องทำให้สภาพคล่องในระบบสูง ขณะที่ความกังวลการเร่งตัวของบอนด์ยิลด์และเงินเฟ้อลดลง
รวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปีนี้ แนวโน้มเติบโต40-50% จากปีก่อน และตลาดหุ้นไทยมีหุ้นวัฏจักรที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจำนวนมาก จึงเป็นจุดที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน โดยหากมีการกระจายวัคซีนในช่วงเดือนมิ.ย.และเปิดประเทศได้ในช่วงปลายปีนี้
"จุดสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาได้ชัดเจน คือ การกระจายฉีดวัคซีนของรัฐบาลว่าจะทำได้ตามแผนมากน้อยและเร็วแค่ไหน ซึ่งรอความชัดเจนกลางปีนี้ โดยเรื่องวัคซีนก็จะเป็นจุดเปลี่ยนทิศของฟันด์โฟลว์ด้วยเช่นกันหากรัฐบาลไม่สามารถกระจายวัคซีนได้ตามแผน "
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดฟันด์โฟลว์จะทยอยกลับมาเข้าในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่และตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะ นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างมองว่า ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากเท่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว
ทั้งนี้คาดปีนี้ต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยน่าจะเห็นภาพฟันด์โฟลว์ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทย อาจเห็นนักลงทุนต่างชาติลดการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จากความกังลงเรื่องเงินบาทอ่อนค่า ตามภาพเศรษฐกิจและผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว หลังจากเริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย และ แผนการเปิดเมืองของรัฐบาลที่คาดว่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ภายหลังจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง จากการเริ่มมีการฉีดวัคซีนและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีโอกาสแตะระดับ 1,650 จุดได้ภายในปีนี้
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเซียพลัส เปิดเผยว่า หากประเทศไทยมีความชัดเจนการกระจายตัวเริ่มฉีดวัคซีนในช่วงกลางปี 2564 นี้ และจากความคาดหวังมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเปิดเมืองที่ต่อเนื่องในปีนี้ แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิ-19ดรอบใหม่ซึ่งเชื่อว่าจะคลี่คลายได้ในช่วง 2 เดือนนี้
ประกอบกับนักลงทุนต่างกำลังเคลื่อนย้ายหาผลตอบแทนที่สูงกว่า และด้วยเม็ดเงินสภาพคล่องในระบบทั่วโลกสูงผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ถือว่าดีต่อตลาดหุ้นไทย มองว่า ปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนฟันด์โฟลว์ทยอยไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2 นี้และน่าจะเห็นชัดเจนในช่ครึ่งหลังของปีนี้
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยลดลง โดยในช่วง 4 วันทำการแรกของเดือนเม.ย. 2564 พบว่า ซื้อสุทธิ 1,000 ล้านบาท แต่จะต้องติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบเนื่องจากในไทยเริ่มกระจายวัคซีนที่จะชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปีนี้
นอกจากนี้หุ้นไทยมีกลุ่มหุ้นวัฏจักรค่อนข้างมากและยังมีหุ้นที่จะถูกคำนวณเข้าDowJones Sustainability Index(DJSI) หลายบริษัท ซึ่งนับว่าจุดสนใจของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน