น้ำผสมวิตามิน x พรีเซ็นเตอร์ กลยุทธ์ซื้อใจผู้บริโภคได้แค่ไหน ?
ซัมเมอร์ที่ร้อนระอุ! เป็นห้วงเวลา "ค่ายเครื่องดื่ม" แข่งปล่อยของกันสุดฤทธิ์ ประชันสินค้าดี ตอบโจทย์ผู้บริโภค "น้ำผสมวิตามิน" ตลาดพันล้าน Cash Cow น้องใหม่สร้างการเติบโตต่อ กลยุทธ์สินค้าขยับสู่ "พรีเซ็นเตอร์" ใครดึงดูดกว่ากัน ผู้บริโภคคือคนตอบ!
หากไม่นับเทรนด์ที่มาแรงสุดอย่าง “กัญชา-กัญชง” ที่จะมาอยู่ในสินค้า และเป็น Cash Cow ใหม่ ที่จะมาทำเงินให้ผู้ประกอบการต่างๆ นาทีนี้ “น้ำผสมวิตามิน” หรือ Vitamin Water ยังคงเป็นสินค้าที่ฮอต! อย่างต่อเนื่อง
ปีที่แล้วโรคโควิด-19 ระบาดอย่างหนักทั่วโลก ทำให้ผู้บริโภค “รักสุขภาพ” มากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ ปฏิบัติตัวหลายวิธีเพื่อให้ตัวเองห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากออกกำลังกาย การเลือกรับประทาน “อาหารและเครื่องดื่่ม” กลายเป็นทางเลือกสำคัญยิ่งขึ้น และนั่นทำให้สินค้าหมวดน้ำผสมวิตามินเติบโต
เดิมน้ำผสมวิตามินมี “ยันฮี วิตามิน วอเตอร์” บุกเบิกจนตลาดบูม! เมื่อทุกแบรนด์เริ่มเห็นโอกาส จึงตบเท้าปลุกปั้นสินค้าเข้ามาทำตลาดกันอย่างคึกคักนับสิบแบรนด์ โดยยักษ์เล็กยักษ์ใหญ่มากันครบ ไม่ว่าจะเป็นค่ายอิชิตัน สิงห์ ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้งหรือเจเล่ ทีซีพีหรือกระทิงแดง ดี อาร์ ดริ้งค์ เป็นต้น
ตลาดที่เติบโตจึงยากจะเลี่ยงแจ้งเกิด Me Too Product สินค้าที่เหมือนๆกัน แต่ “อาวุธการตลาด” อาจสร้างความแตกต่างให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและ “จดจำ” แก่ผู้บริโภคได้
ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ซุ่มทำตลาดตามเกมของตัวเอง บลู ของค่ายเซ็ปเป้ ยังเน้นเจาะตลาดวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ พออิชิตัน ส่ง อิชิตัน พี.เอช.พลัส 8.5 หรือน้ำด่างอิชิตัน อิชิตัน วิตวีซี วิตามิน วอเตอร์ ซี พลัส อี สร้างจุดยืนสินค้าหรือ Positioning ให้ “เป็นมากกว่าน้ำดื่ม” และมีครอบครัวของ “แมททิว -ลิเดีย” พรีเซ็นเตอร์
ส่วนสิงห์ที่ส่งแบรนด์ “เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์” ท้าชิง นอกจากแพ็คเกจจิ้งที่มีสีสันโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง ยังดึง “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก” เป็นพรีเซ็นเตอร์ต้้งแต่ออกตัว ท่ามกลางคู่แข่ง แทบไม่มีดารา คนดังมาช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ส่วนที่ซุ่มเงียบคือ ดี อาร์ ดริ้งค์ ที่เป็นของกลุ่มนักแสดงนักธุรกิจ โดยเน้นทำตลาดออนไลน์ อาศัยบรรดานักแสดง ศิลปิน ช่วยโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง เช่น แต้ว ณฐพร
เมื่อปล่อยให้แบรนด์ต่างๆพึ่งพาพลังของ “พรีเซ็นเตอร์” ทำให้บางแบรนด์ที่อาศัยแค่ “สินค้า” เป็นตัวชูโรง อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จึงต้องเดิมเกมตามๆกันไป “อควาวิตซ์ วิตามิน วอเตอร์” ทุ่มทุนดึง “ต่อ-ธนภพ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ล่าสุดเป็นคิวของ “บลู” จากค่ายดานอน เซ็ปเป้ฯ ที่ส่ง “นนท์-ธนนท์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เข้าประกวดด้วย
++สินค้าใหม่เติมพอร์ต
เสริมทัพด้วยพรีเซ็นเตอร์
ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เล่าว่า บลูทำตลาดมากว่า 2 ปี สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มน้ำผสมวิตามินติดอันดับต้นๆ (ข้อมูลจากนีลเส็น ระบุบลูอยู่อันดับ 3 น้ำดื่มผสมวิตามิน) เพราะสินค้ามีจุดขายจากส่วนผสมวิตามินบี3 บี6 บี12 และ Be more ด้วยกลิ่นผลไม้ยอดนิยม ดื่มแล้วสดชื่นได้ฟังก์ชั่นนอลจากวิตามิน
ปลายปีที่แล้ว เซ็ปเป้ยังส่ง บลู ซี200% เข้าทำตลาดเพิ่ม สร้างสินค้าให้หลากหลายเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอ ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น เน้นให้ความสนใจกับการทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย จึงเกิดกระแสความนิยมน้ำดื่มผสมวิตามินในไทยอย่างแพร่หลาย
มีสินค้าแล้ว ต้องปล่อยอาวุธการตลาดให้ครบเครื่อง บริษัทจึงเปิดตัว “นนท์ ธนนท์ จำเริญ” ศิลปินวัยรุ่นชื่อดังนั่งแท่น Brand Ambassador คนแรก และมาพร้อมแคมเปญ Love Nont Love B’lue ส่งสินค้าคอลเล็กชั่นพิเศษที่มีฉลาก 6 แบบ เอาใจผู้บริโภคพร้อมเฉลิมฉลองให้กับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก โดยฉลากทั้ง 6 แบบ สะท้อนตัวตนของศิลปิน ประกอบไปด้วย Attitude is Choice, Rockin’ You, Street Obsession, Life Masterpiece, Rewarding Me และ Optimistic Future แต่ทั้งหมดมีเพียง 1,000 ชุดเท่านั้น และไม่มีวางจำหน่ายผ่านช่องทางใดๆ หากอยากครอบครองต้องร่วมสนุกได้ด้วยการนำใบเสร็จสินค้าบลูจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกๆ 8 ขวด แลกรับได้ 1 แบบ สะสมครบ 6 แบบ ทาง B’lue จะจัดส่ง Package พรีเมี่ยมเพื่อการสะสมให้ถึงบ้าน โดยแคมเปญดังกล่าวจะสิ้นสุดวันที่ 19 เมษายน 2564
++วัดขุมพลังแฟนคลับ
เริ่มจากสาวกนับล้านสู่ตลาดแมส
ขนนท์ ธนนท์” เป็นศิลปินที่มีแฟนคลับบนอินสตาแกรม(IG)กว่า 5.85 แสนราย เฟซบุ๊กกว่า 2.3 แสนคน แต่ฐานแฟนนั้นเหนียวแน่นมาก ยิ่งกว่านั้นแฟนคลับซัพพอร์ตอย่างดีเยี่ยม ไปไหน ทำกิจกรรมอะไรพร้อมเข้าร่วม ดังนั้น ไม่เพียงแค่แบรนด์จะได้ใจสาวกตัวจริง แฟนคลับขาจรก็ยังปลิ้มปริ่ม
ต่อ ธนภพ นักแสดงวัยรุ่นที่มีแฟนคลับบนอินสตาแกรมกว่า 3.3 ล้านราย เพจเฟซบุ๊กแฟนคลับกว่า 8 แสนราย เมื่อมีฐานแฟนของตัวเอง จึงพร้อมเปย์เงินซื้อสินค้า
ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก แฟนๆติดตามในอินสตาแกรมกว่า 8.3 ล้านราย เฟซบุ๊กผู้ติดตามกว่า 8 ล้านราย ภาพลักษณ์ที่ดูแลตัวเอง จึงเป็นแรงส่งให้กับแบรนด์ได้ไม่แพ้กัน
แมททิว-ลิเดีย ผู้ติดตามบนอินสตาแกรมกว่า 1 ล้านราย และ 4.5 ล้านรายตามลำดับ แฟนเพจเฟซบุ๊กของครอบครัวมีผู้ติดตามกว่า 6.2 แสนราย และมีภาพลักษณ์การดูแลสุขภาพโดดเด่นไม่แพ้ใคร ยกครอบครัวมาเป็นกระบอกเสียงกระตุ้นให้มีสินค้าติดบ้าน ย่อมจูงใจกลุ่มเป้าหมายครอบครัวได้อย่างดี
ไมค์ พิรัช เคยร่วมงานกับ ทีซีพี ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของชาขาวพร้อมดื่มเพียวริคุมาแล้ว ส่วนการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับน้ำผสมวิตามิน เพราะมีฐานแฟนคลับอินสตาแกรมกว่า 3.5 ล้านราย เฟซบุ๊ก ผู้ติดตามกว่า 1.6 ล้านราย ยังมีแพลฟอร์มอื่น. เช่น ยูทูป ทวิตเตอร์ ติ๊กต็อก รวมแล้วกว่า 17 ล้านราย และไม่ใช่แค่คนไทยแต่ดังไกลถึงเมืองจีนด้วย
++กระทิงแดง ดัน แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์
ชิงแชร์ 15% ขึ้นแท่นเบอร์ 3
ประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจทีซีพี(TCP) ย้ำว่า ปัจจุบัน เทรนด์รักสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยิ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคมองหาตัวช่วยในการดูแลสุขภาพมากขึ้น สิ่งที่ผู้บริโภคมองหาไม่เพียงต้องให้ผลดีกับสุขภาพ ยังจะต้องง่ายและสะดวกสบาย สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลเติบโตสวนกระแสตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตลอดปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP สั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทยมากว่า 60 ปี จนก้าวสู่ทำเนียบ “ผู้นำตลาด” ทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี ขณะที่ความตั้งใจในการเป็น House of Great Brands มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มและอาหารตอบโจทย์ผู้บริโภคหลากหลายอยู่เสมอ การส่ง “แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์” จึงตอบโจทย์การดูแลสุขภาพทุกคนในทุกโอกาส จึงตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งทางการตลาด 15 % ขึ้นแท่นผู้นำ 1 ใน 3 ของตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินในปีนี้
สำหรับการเลือกไมค์ พิรัชต์ จะมาเสริมทัพกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรโดยเกมนี้ทีซีพีทุ่มงบการตลาดกว่า 150 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์
++ปั๊มยอดขายวิตามิน วอเตอร์ยกลัง!
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่หลายแบรนด์กำลังขับเคี่ยว ไม่แค่พรีเซ็นเตอร์ท้าชนกัน แต่การขายสินค้า “ยกลัง” ให้ผู้บริโภคซื้อไว้ติดตู้เย็นในบ้าน และ “ดื่มแทนน้ำเปล่า” แข่งขันดุเดือดไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น อิชิตัน, แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์, ยันฮี วิตามิน วอเตอร์, วิตอะเดย์ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นการแข่งขันด้าน “ราคา” ไม่ได้อยู่แค่ค้าปลีก แต่ยังเป็น “ค้าส่ง” ยกลังด้วยทั้งหน้าร้านและช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ต้องจับตาดูต่อหนีไม่พ้น “สงครามราคา” เพราะนับตั้งแต่ “เสี่ยตัน ภาสกรนที” ลงสนาม การห้ำหั่นด้วยราคาก็ตามมาทันที เนื่องจากต้องการเข้าถึงร้านค้าทั่วไป การออกสินค้าไซส์ย่อมๆ เพื่อขายในราคาจับต้องได้ โดยเฉพาะ 10 บาท จึงเกิดขึ้นทันที และน้องใหม่ที่ส่งไซส์มินิทำตลาดหมาดๆ คือ “วิตอะเดย์ วิตามิน วอเตอร์” ขนาด 310 มิลลิลิตร(มล.) จำหน่ายราคา 12 บาท(ในเซเว่นอีเลฟเว่น)
สงครามน้ำผสมวิตามิน ยังขับเคี่ยวกันเข้มข้น แน่นอนว่ากลยุทธ์ที่แบรนด์สู้กัน ผู้บริโภคได้ประโยชน์ เพราะนอกจากมีทางเลือกแบรนด์ที่หลากหลาย เลือกน้ำผสมวิตามินที่ใช่ แบรนด์ที่ชอบ ราคาบางแบรนด์ยังทำให้ซื้อง่ายขายคล่องด้วย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาคือ “กำไร” ที่เคยอยู่ในระดับสูง อาจ “ต่ำ” ลง
ซัมเมอร์นี้ วิตามิน วอเตอร์ เป็นศึกช้างชนช้าง สายป่านยาวอาจทำให้ “อยู่รอด” ในสมรภูมิการค้า แต่หลายรายที่ทุนหนา ก็พ่ายถอยทัพได้เช่นกัน เงินปึ้กอย่างเดียวไม่พอ กลยุทธ์ต้องพร้อมรบด้วย