ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นเพิ่มขึ้น หลังท่อส่งน้ำมันสหรัฐกลับมาใช้งานได้
“ไทยออยล์” คาด ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นเพิ่มขึ้น แรงหนุนจากท่อส่งน้ำมันสำเร็จรูปสหรัฐกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ขณะที่โควิด-19 ยังเป็นปัจจัยกดดันราคา
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP ประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบระยะสั้น พบว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 ราคาปรับเพิ่ม จากปัจจัยบวกเนื่องจากการที่บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ สามารถกลับมาเปิดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นน้ำมันแถบชายฝั่งสหรัฐฯ ไปยังภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังถูกปิดเนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์เป็นเวลานานกว่า 6 วัน
รวมถึง ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันว่าจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและกลับมาลงทุนในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบจะมีราคาน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ถือครองในเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่เป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในอินเดียที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอินเดียที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
สำหรับราคาน้ำมันดิบปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 พบว่า เวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 65.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนท์ อยู่ที่ 68.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดูไบ อยู่ที่ 66.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันสำเร็จรูป ยังอ่อนตัวลง โดยราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ในสหรัฐฯ สามารถกลับมาดำเนินการขนส่งได้อีกครั้ง ประกอบกับ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้น 4% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูงขึ้น ส่งผลให้มีการประกาศมาตรการเข้มงวดทางสังคมอีกครั้ง
โดยราคาน้ำมันสำเร็จรูปปิดตลาดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 พบว่า เบนซิน อยู่ที่ 76.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดีเซล อยู่ที่ 72.60 ฃ ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล