WINMED ไตรมาส 1/64 กำไรโต 10.69% ที่ 10.56 ล้านบาท เหตุต้นทุนลดลง
"วินเนอร์ยี่ เมดิคอล" คว้ากำไร 10.56 ล้านบาท ในไตรมาส 1/64 เติบโต 10.69% จากต้นทุนการขาย-ค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย/บริหารที่ลดลง ยอมรับโควิด-19 กระทบรายได้ผลิตภัณฑ์กางแพทย์ลดลง 10.32% ราว 12.94 ล้านบาท
นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 118.96 ล้านบาท ลดลง 9.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิดังกล่าวมาจากการที่บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นจากต้นทุนขายที่ลดลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายที่ลดลงเท่ากับ 2.63 ล้านบาท และ ค่าใช้จ่ายบริหารที่ลดลง เท่ากับ 3.20 ล้านบาท
โดยรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ลดลง 12.94 ล้านบาทหรือ 10.32% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิตลดลง 14.67% และรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางโลหิตลดลง 21.36% อันเป็นผลจากการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา
โดยมีผลกระทบที่สำคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลทั่วประเทศมีการเลื่อนผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนเนื่องจากเป็นมาตรการป้องกันมิให้บุคคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ผู้บริจาคโลหิตจำนวนมากหลีกเลี่ยงการบริจาคโลหิตเนื่องจากวิตกกังวลการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เลือดทั่วทั้งประเทศขาดแคลนเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ทคโนโลยีเซลส์บำบัด มียอดที่ลดลง 0.63 ล้านบาท หรือ 14.95% ซึ่งเป็นการจำหน่ายเฉพาะชุดอุปกรณ์และน้ำยาตรวจสำหรับการใช้ในห้องปฏิบัติการซึ่งเปลี่ยนแปลงตามปริมาณการใช้ของลูกค้า ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี เพิ่มขึ้น 9.03% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้ที่จำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงเรียนแพทย์มีจำนวนและปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 81% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รวมถึงรายได้จากโครงการ สปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) เพิ่มสูงขึ้นตามแผนการตลาดเท่ากับ 1,187% ( 11.87 เท่า) เทียบกับยอดไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ส่วนรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายเครื่องดักจับยุงและแมลงดูดเลือด มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น 8.94% จากปีก่อนเนื่องจากมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ประกอบกับการเพิ่มกลยุทธ์ในการขายจากแผนการตลาดของบริษัท