ERW - ถือ (11 มิ.ย.64)

จากการระบาดระลอกสามยืดเยื้อมาในก.ค. ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆในภูเก็ต แซนด์บอกซ์, และจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงในปี 2021-23 เราปรับคาดการณ์ผลประกอบการเป็น -1.8พันลบ./-332ลบ./214ลบ. จาก -1.7พันลบ./71ลบ./521ลบ. ในช่วง FY21-23F และปรับราคาเป้าหมายลงสู่ 3.3บาท (-8%) จากโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ช้าลง เราคาด ERW พลิกกลับมาเป็นกำไรช้าลงเป็นใน 2H22 และจากความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ไม่น่าสนใจ เราปรับคำแนะนำ ลงสู่ ถือ

 

การระบาดระลอก 3 ทำให้ฝันร้าย C19 แย่ลงไปอีก; แต่ยังดีกว่าใน 2Q20

จากการ cross-channel check ของเรา เราคาดอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 2QTD ของ ERW จะลดลงสู่ 22% (โรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn ที่ 14%) และโมเมนตัมในพ.ค. อ่อนแอเป็น 6-10% สำหรับโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn และโรงแรม Hop Inn ในระดับที่เลยจุดคุ้มทุนเพียงเล็กน้อยที่ 23% อย่างไรก็ตามการดำเนินงานที่อ่อนแอยังดีกว่าในช่วงการลอคดาวน์ใน 2Q20 ที่ 1-9% จากอัตราการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน เราอาจเห็นการเปิดเมืองบางส่วนในปลายก.ค. หรือต้นส.ค. ซึ่งจะหนุนการฟื้นตัวรูปแบบ V ของผลประกอบการ Hop และโรงแรมอื่นจะค่อยๆฟื้นตัวหนุนจาก “เราเที่ยวด้วยกัน” ระยะสาม เริ่มต้นในส.ค.

 

ปรับคาดการณ์ผลประกอบการปี 2021 จากการฟื้นตัวช้า; พลิกเป็นกำไรช้าลง

เราปรับคาดการณ์ขาดทุนมากขึ้นในปี FY21F จากการระบาดระลอกสามนานกว่าที่คาด และเราคาดว่าการเปิดเมืองบางส่วนอาจเลื่อนไปในส.ค. ประกอบกับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวของ AOT ลดลง เราคาด 2021-22 ยังคงขาดทุนและจะพลิกเป็นกำไรในปี 2023 ที่ 214ลบ. (-59% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้) สมมติฐานหลัก (fig 2-23) คืออัตราการเข้าพักฟื้นกลับสู่ระดับปี 2019 ในปี 2023 และ RevPar ในปี 2024

 

ปรับคำแนะนำลงสู่ ถือ และราคาเป้าหมายปี 22F ใหม่ที่ 3.3บาท

เราปรับราคาเป้าหมาย ERW ปี 2022 ลงสู่ 3.3บาท หลังการปรับคาดการณ์กำไร (-8%) โดยมีความไม่แน่นอนของความต้องการในโครงการภูเก็ตแซนบอกซ์ และความล่าช้าในการเปิดเมืองบางส่วนไปเป็นส.ค. อย่างเร็วที่สุด เราเชื่อว่าสัดส่วนความเสี่ยง - ผลตอบแทนของ ERW ไม่น่าสนใจในระยะสั้น แต่เรายังคาดว่า ERW จะกลับมาตั้งหลักและพลิกเป็นกำไรได้ในช่วง 2H22 ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัว และมีการเติบโตโดยมีการขยาย Hop Inn เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โดยมีแผนการเปิด Hop Inn มากถึง 46 แห่งในช่วง 2022-25F ดังนั้นเราปรับคำแนะนำลงสู่ ถือ