ผันผวนจากการปรับพอร์ตระยะสั้น
ทองคำที่ลงแรงแสดงว่าตลาดจะเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการเติบโต
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปรับลดลงแรงที่สุด หลังผลการประชุมคณะกรรมการรโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) บ่งชี้ถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตที่เร็วกว่าเดิม ส่งผลให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่า ทั้งนี้เรามองตลาดผันผวนจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนในระยะสั้น ทั้งนี้สัญญาณเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง (หรืออาจจะพีคไปแล้ว) ทำให้ถึงแม้ตลาดจะยังมองแนวโน้มโภคภัณฑ์ดีจากความต้องการที่สูง แต่นักลงทุนมีแนวโน้มลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์ลง (เช่นจาก มากกว่าตลาด เป็น เท่ากับตลาด) ขณะที่จะเริ่มกลับมามองหุ้นเติบโต รวมถึงกลุ่มที่มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากแนวโน้มของการฉีดวัคซีนและการเปิดเศรษฐกิจ ประกอบกับวันนี้จะมีการปรับพอร์ตตามดัชนี FTSE ทำให้ภาพในระยะสั้นอาจจะผันผวน แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุน
ติดตามผลกระทบมาตรการของจีนต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทางการจีนเข้ามาควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไร ส่งผลให้โภคภัณฑ์บางประเภท อาทิ เหล็กชนิดต่างๆ ปรับลดลงจากจุดสูงสุดราว 20% ล่าสุดคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) จะยังทำการระบายสต็อกโลหะภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และเพื่อลดต้นทุนสำหรับบริษัทต่างๆ ทิศทางการดำเนินนโยบายดังกล่าว (ประกอบกับการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ) ส่งผลให้ราคาโภคภัณฑ์หลายประเภทปรับลดลง ซึ่งรวมถึงสินค้าเกษตร คาดจะเป็นปัจจัยบวกต่อแรงเก็งกำไรกลุ่มที่มีต้นทุนจากโภคภัณฑ์ อาทิ อาหาร และเนื้อสัตว์ ที่จะได้อานิสงค์จากราคาข้าวโด และถั่วเหลืองที่ลดลง
ธีมลงทุนอื่นที่น่าสนใจ 1) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ PTT, PTTGC, IVL, IRPC 2) อาหารและเกษตร TVO, CPI, TU, CPF 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP และ KK เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) การขายประกันโควิด บวกต่อ THRE, TIP, TQM 5) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP 6) เก็งกำไรกลุ่มดิจิตัลทีวี BEC, WORK, MONO, JKN 7) หุ้นกลุ่มเหล็ก TSTH, GJS, AMC 8) กลุ่มโลจิติกส์ที่มีสัญญาณระยะสั้นเป็นบวก SONIC, NCL 9) หุ้นกลุ่มเรือ TTA, PSL, RCL
ภาพรวมกลยุทธ์ คาด SET Index ระยะสั้นอาจปรับลดลงสะท้อนการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่เร่งขึ้น แต่ไม่เปลี่ยนภาพใหญ่ที่เรามองแกว่งขึนทดสอบ 1650-1680 จุด คล้ายช่วงลด QE (Tapering) ปี 2557 เน้นหุ้นกลุ่มเปิดเศรษฐกิจ และทยอยสะสมสื่อสารและกองรีทส์ รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว
// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CPF*, BDMS*, VRANDA*
แนวรับ: 1,606-1,615/ แนวต้าน : 1,630-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
ประเด็นการลงทุน
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐต่ำคาด. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 412,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 375,000 ราย
GPSC. เคาะแผนลงทุนต่างประเทศ 2000 เมกะวัตต์ ผ่าน 2 โปรเจกต์ใหญ่ “โซลาร์ฟาร์มอินเดีย 1700 เมกะวัตต์” กับ “วินฟาร์มไต้หวัน 200-500 เมกะวัตต์” คาดปิดดีลในไตรมาส 1/65 ตามแผนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทางเลือก 30% ใน 5 ปี ขณะที่บริษัทแม่อัดฉีดเงินช่วยเหลือในรูปเงินกู้ 2 หมื่นลบ. ดอกเบี้ยต่ำกว่า 3%
PTT. อนุมัติขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/เดือน ต่อไป อีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.64 เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคประชาชนในการลดต้นทุนค่าครองชีพ
ประเด็นติดตาม: - 18 มิ.ย.: BOJ Meeting / 23 มิ.ย.: EU Manufacturing PMI เดือน มิ.ย. / 24 มิ.ย.: BOE Meeting
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)