ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านขอหนังสือชี้แจงก่อสร้างได้หลังจนท.รัฐ-ประชาชนเข้าใจผิด

ส.ธุรกิจรับสร้างบ้านขอหนังสือชี้แจงก่อสร้างได้หลังจนท.รัฐ-ประชาชนเข้าใจผิด

ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน ร้อง ศบค.-กรุงเทพมหานคร ช่วยทำหนังสือยืนยันหลังเจ้าหน้ารัฐ-ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าห้ามดำเนินการ ระบุไซต์งานรับสร้างบ้านไม่มีคลัสเตอร์ โควิด

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า หลังจากสั่งการให้มีการปิดแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลรวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา ซึ่งตามประกาศที่ทางรัฐบาลออกมาระบุอยู่แล้วว่า ไม่รวมบ้านพักอาศัย ทางบริษัทรับสร้างบ้านทำงานตามปกติแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาเริ่มไปทำงานสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านหลายราย ถูกเจ้าหน้าที่รัฐ ห้ามไม่อนุญาตให้ดำเนินการ โดยระบุว่า ประกาศห้าม หรือจะเข้าไปทำงานในหมู่บ้านไม่ให้เข้า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการและประชาชนทั่วไปไม่ทราบรายละเอียดของประกาศคำสั่งดังกล่าว

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงได้ทำหนังสือถึงศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อขอทราบความชัดเจนในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยที่มิใช่โครงการจัดสรรให้สามารถดำเนินการสร้างต่อได้ รวมทั้งได้ยื่นกับทางกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ช่วยออกหนังสือยืนยันว่า สามารถดำเนินการได้จริงเพื่อลดปัญหาความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไป โดยได้ทำการยื่นไปเมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.)

" ธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ได้อยู่ในข่ายการห้ามดำเนินการก่อสร้างแต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ โดยตีความว่าประกาศดังกล่าวห้ามการก่อสร้างทั้งหมด จึงต้องทำหนังสือเพื่อขอความชัดเจนไปเพื่อความสบายใจสำหรับทุกฝ่ายกำลังรอหนังสืออยู่ "

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านบนที่ดินของเจ้าของที่ดิน ที่ปัจจุบันมีงานก่อสร้างบ้านพักอาศัยสร้างเองกระจายอยู่ทั่วในกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวนหลาย1,000หลังต่อปีนั้น ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยขนาดเล็ก มีแรงงานก่อสร้างเป็น10คน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เกิดคลัสเตอร์ ของผู้ติดเชื้อโควิดเกิด ทั้งนี้เนื่องจากทางสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้มีมาตรการในการป้องกันโควิดตามมาตรการรัฐอย่างเข้มงวดและด้วยจำนวนแรงที่มีจำนวนไม่มาก ทำให้โอกาสติดเชื้อมีน้อย จึงพบว่าไซต์งานก่อสร้างของสมาชิกสมาคมฯ ที่ผ่านมายังไม่มีที่ใดติดเชื้อโควิด

นอกจากนี้กลุ่มแรงงานที่ทำงานก่อสร้างในธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ใช่กลุ่มเดี่ยวกับแรงงานไซต์ก่อสร้างอาคารชุดหรือบ้านจัดสรร ที่มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน จึงไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงในการแพร่เชื้อ รัฐไม่จำเป็นต้องให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง ทำให้ไม่ต้องเสียงบประมาณในการเยียวยาแรงงานกลุ่มนี้เพิ่ม