วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

คาดว่าผลประกอบการใน 4Q67F จะฟื้นตัว QoQ เพราะไม่มีผลขาดทุนก้อนโตจากสต็อกน้ำมันสุทธิ

เราคาดว่า TOP จะมีกำไรสุทธิ 2.2 พันล้านบาทใน 4Q67F (-27% YoY, ฟื้นตัวขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 4.2 พันล้านบาทใน 3Q67) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะคาด market GRM ใน 4Q67 ลดลง 30% YoY มาอยู่ที่ US$5.1/bbl จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นเพราะมีโรงกลั่นทั่วโลกหลายแห่งมีการปิดนอกแผนในช่วง 2H66 ส่วนผลประกอบการที่พลิกฟื้น QoQ เป็นเพราะคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ (รวม NRV) 22 ล้านบาทใน 4Q67 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 7.5 พันล้านบาทใน 3Q67 เราคาดว่า market GRM ของ TOP จะเพิ่มขึ้น 37% QoQ เป็น US$5.1/bbl เนื่องจาก spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น US$14.8/bbl และ US$14.7/bbl ตามลำดับ จากอุปสงค์ที่สูงตามฤดูกาลในช่วงหน้าหนาว เราคาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบของบริษัทจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 310 KBD คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 113% นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรจากธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นจะเพิ่มขึ้น QoQ หลังจากที่ spread ของ 500SN lube base เพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น US$568/ton แต่อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้อาจจะหักล้างไปกับผลการดำเนินงานที่อ่อนลงของธุรกิจอะโรมเติกส์ ซึ่ง spread ของ PX และ BZ ลดลง 36% QoQ มาอยู่ที่ US$117/ton และ 23% QoQ มาอยู่ที่ US$175/ton ตามลำดับ เนื่องจากอุปสงค์ PET ลดลงในช่วงหน้าหนาว

 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ลง 39%

จากประมาณการ 4Q67F ล่าสุด เราได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ลง 39% เหลือ 9.35 พันล้าน
บาท เนื่องจากเราปรับเพิ่มสมมติฐานผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิและปรับลดสมมติฐานค่าการกลั่นลง โดยเราคาดว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ 6.1 พันล้านบาทในปี 2567F ลดลงจากเดิมที่ใช้สมมติฐานว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 332 ล้านบาท นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐาน market GRM ปีนี้ลง 9% เหลือ US$5.3/bbl เนื่องจาก spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลใน 4Q67 ต่ำกว่าที่คาดไว้

คาดว่ากำไรจะโต 75% YoY ในปี 2568F

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP ในปี 2568F จะอยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านบาท (+75% YoY) เนื่องจาก i) ไม่มีผล
ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่ 6.1 พันล้านบาทเหมือนกับในปี 2567F และ ii) คาดว่า market GRM จะ
เพิ่มขึ้นเป็น US$6.5/bbl (+22% YoY) โดยตลาดโรงกลั่นน่าจะได้แรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 MBD มากกว่าอุปทานโรงกลั่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.8 MBD ในปีนี้

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำถือ โดยคงราคาเป้าหมายปี 2568F เอาไว้ที่ 30.00 บาท อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่
6.0x ถึงแม้เราจะคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q67F แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของงาน
ก่อสร้างโครงการ CFP ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่ถ่วงราคาหุ้น เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูความชัดเจนหลัง
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทจะนำเสนอและขอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มงบลงทุนในโครงการนี้

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี รวมถึงความล่าช้าของโครงการ CFP

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ TOP พลิกมาเป็นกำไรใน 4Q67F แต่ประเด็น CFP ยังเป็นตัวถ่วงอยู่