'ศิริราช' ทุ่มงบ 800 ล้านบาท พลิกโฉมระบบสารสนเทศ สู่การแพทย์ระดับโลก
เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างสมบูรณ์ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรผู้คนก็ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น
KEY
POINTS
- การลงทุนด้วยงบ 800 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนระบบสารสนเทศ ถือเป็นความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นนำระดับโลก
- ความร่วมมือกับทาง IT One และ SAP เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นการนำ RISE with SAP Private Cloud Edition มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับระบบสารสนเทศ
- รพ.ศิริราช เปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์เปรียบเสมือนการวางรากฐานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน และรองรับนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที
เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างสมบูรณ์ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรผู้คนก็ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ยิ่งขณะนี้เทรนด์สุขภาพจะมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพที่เฉพาะบุคคล การป้องกันโรค โดยได้มีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี อุปกรณ์ใหม่ๆ เข้ามาช่วยดูแลสุขภาพมากขึ้น
ข้อมูลจาก Forbes รายงาน 7 เทรนด์ Healthcare 2025 ได้แก่ 1.The Personalized Healthcare Revolution (การดูแลสุขภาพที่มุ่งเน้นเฉพาะบุคคล) 2. Future-Proofing Healthcare (การดูแลสุขภาพที่รองรับอนาคต) 3.Technology In Mental Wellness (เทคโนโลยีด้านสุขภาพจิต) 4. Wearables 2.0 – BCIs And Implants(อุปกรณ์สวมใส่ 2.0 – BCI และการปลูกถ่าย) 5.Genomics – Decoding The Secrets Of Life? (ยีน– ถอดรหัสความลับของชีวิต?) 6️.The Health Data Dilemma (ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของข้อมูลด้านสุขภาพ) และ7️. Solving Healthcare’s Tech Skills Crisis (การแก้ไขวิกฤตทักษะด้านเทคนิคของการดูแลสุขภาพ)
“คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล" ได้ลงทุนงบ 800 ล้านบาท จับมือกับ IT One และ SAP เพื่อพลิกโฉมระบบสารสนเทศ สร้างประวัติศาสตร์ โรงพยาบาลรัฐแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ใช้ RISE with SAP Private Cloud Edition เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการยกระดับการดำเนินงานเพื่อความเป็นเลิศ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ศิริราช' ยกระดับการแพทย์ AI เพิ่มสตาร์ทอัพ ดูแลรักษา ฟื้นฟู
MSU-8 รถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่ เพิ่มโอกาสรอด ลดเสียชีวิต Stroke
ยกระดับระบบสารสนเทศของศิริราช
“ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่าศิริราชมุ่งมั่นสู่การเป็น Intelligent Enterprise ที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้ป่วยในอนาคต ดังนั้น การลงทุนด้วยงบ 800 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนระบบสารสนเทศ ถือเป็นความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เพราะตอนนี้การใช้ระบบสารสนเทศเดิมอาจจะมีข้อจำกัด หรือไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลต่างที่มีจำนวนมาก
“โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ Siriraj EPR Project” เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ด้านไอที “5 Key IT Strategic Pillars”เพื่อรองรับการขยายตัวของศิริราชทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (ประกอบด้วย การศึกษา วิจัย วิชาการ โรงพยาบาลศิริราช กองทุนประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คลินิกพิเศษ)
ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ศูนย์วิจัยคลินิก (SiCRES) และศูนย์บริการสุขภาพผู้สูงอายุศิริราช-สมุทรสาคร เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโรงพยาบาลรัฐในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และขับเคลื่อนศิริราชเพื่อเป็นสถาบันการแพทย์ของแผ่นดิน ที่สร้างองค์ความรู้และบริการอันเป็นประโยชน์ต่อระบบสุขภาพทั้งในไทยและระดับนานาชาติ
ดึงเทคโนโลยี สู่การแพทย์ชั้นนำระดับโลก
“ความร่วมมือกับทาง IT One และ SAP เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นการนำ RISE with SAP Private Cloud Edition มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับระบบสารสนเทศใน “โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ Siriraj EPR Project” ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลสู่แพลตฟอร์มบนคลาวด์ โดยจะครอบคลุมการติดตั้ง SAP S/4HANA และ SAP SuccessFactors เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร ทั้งด้าน บัญชี การเงิน งบประมาณ ระบบจัดซื้อและบริหารสินค้าคงคลัง และทรัพยากรบุคคล รวมถึงการใช้ SAP Analytics Cloud (SAC) และ SAP Datasphere เพื่อการบริหารจัดการด้านการวางแผนและการติดตามและการจัดการข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร” “ศ.นพ.อภิชาติ กล่าว
การดำเนินการในโครงการดังกล่าว จะดำเนินการทั้งหมด 2 ปี โดยเฟสแรกจะใช้เวลา 12 เดือน โดยเริ่มจากการ ติดตั้ง SAP S/4HANA และ Go Live สำเร็จเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ส่วนปีนี้ถือว่าเข้าสู่เฟสสอง ซึ่งจะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการด้านการวางแผนและการติดตามและการจัดการข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร ให้ดียิ่งขึ้นด้วย SAC คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2568
ศ. นพ.อภิชาติ กล่าวต่อไปว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของทีมงานกว่า 300-400 คน จากศิริราชและ IT One ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง เอคเซนเชอร์ และ SCG ผ่านประสบการณ์การทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานกว่า 23 ปี ขณะที่ความเชี่ยวชาญของ IT One จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การอัปเกรดระบบเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างพันธกิจในการเป็นโรงพยาบาลที่มุ่งมั่นในการให้บริการคุณภาพสูงสุด และ ยังมี SAP ผู้นำด้านระบบ ERP ระดับโลก ที่ได้นำนวัตกรรมต่างๆ มาถ่ายทอดและประยุกต์ใช้กับศิริราช
“การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคลาวด์เปรียบเสมือนการวางรากฐานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน และรองรับนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนภายหลังการเปิดใช้งาน (Go Live) โครงการประสิทธิภาพการทำงานของทีมงานที่เพิ่มสูงขึ้น ลดภาระงาน Manual และเพิ่มเวลาให้บุคลากรไปปฏิบัติงานอื่นๆเพื่อเป็นประโยชน์กับองค์กรในอนาคต ประสิทธิภาพของการเข้าถึงข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากระบบที่ออกแบบใหม่มีกระบวนการบริหารจัดการข้อมูล ที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดึงข้อมูลเพื่อจัดทำรายงานมีความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว (Real-time) เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานด้วยการเข้าถึงระบบได้จากทุกที่”ศ. นพ.อภิชาติ กล่าว
โซลูชันช่วยโรงพยาบาล สุขภาพยั่งยืน
“กุลวิภา ปิยวัฒนเมธา” กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท SAP กล่าวว่าการใช้ RISE with SAP S/4HANA Cloud ของโรงพยาบาลศิริราช จะช่วยพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพของภาครัฐในประเทศไทยและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในวงกว้างของประเทศซึ่งโซลูชันของ SAP จะช่วยปรับปรุงการดำเนินงานและการตัดสินใจที่ต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลช่วยให้โรงพยาบาลสามารถเข้าใกล้วิสัยทัศน์บริการด้านสุขภาพที่ยั่งยืน
พร้อมทั้งยกระดับนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยการปรับปรุงระบบให้ทันสมัยและถือเป็นตัวอย่างเชิงบวกที่แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมดิจิทัลสามารถขับเคลื่อนการปรับปรุงด้านการดูแลสุขภาพได้อย่างไรและเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของประเทศไทยในฐานะผู้นำระดับภูมิภาคในด้านนี้ด้วย
ด้าน “ปฐมา จันทรักษ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ Accenture (Thailand) กล่าวว่า Accenture (Thailand) และ IT One ได้ร่วมงานกับศิริราชในฐานะ Trusted Partner โดยเริ่มต้นตั้งแต่ ปี 2545 จากการนำ SAP ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับโลก มาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่เป็นแห่งแรกของประเทศ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของศิริราช โดยการย้ายระบบ Infrastructure จาก On Premise สู่ On Cloud ด้วย RISE with SAP Private Cloud Edition
“บริษัท IT One ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Accenture โดย Accenture มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ IT One เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี SAP ในประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้าน Healthcare ของ Accenture ในประเทศไทย โดยจะรวบรวมองค์ความรู้ด้าน Healthcare จากทั่วโลกมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของวงการแพทย์ไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาขยายงานด้านดิจิทัลให้กับธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศไทย และรองรับการเป็น Medical Hub”ปฐมา กล่าว
เสาหลักสำคัญ 5 ด้านของแผนกลยุทธ์ด้าน IT
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้มีการกำหนดเสาหลักแผนกลยุทธ์ในการพัฒนา IT ของโรงพยาบาล ดังนี้ 1.การสนับสนุนนวัตกรรมในการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์: ส่งเสริมการใช้ High Performance Computing (HPC) และเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัยสาหรับงานวิจัย 2.การส่งมอบการดูแลสุขภาพขั้นสูง: เพิ่มประสิทธิภาพของการวินิจฉัยโรคและการรักษาด้วย AI และการแพทย์ทางไกล
3.การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีระดับโลก: ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้วย Hybrid Cloud และ IoT 4.การยกระดับความปลอดภัยของข้อมูล: ใช้ Zero-trust security และมาตรฐานสากลเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ และ5.การพัฒนาศักยภาพบุคลากร: ฝึกอบรมบุคลากรในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI, Cloud Computing และ Cybersecurity
อย่างไรก็ตาม “ศิริราช” เน้นสานต่อวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำด้านการแพทย์ระดับโลกโดยได้ร่วมมือกับบริษัท IT One ทำ Digital Transformation ระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล (HIS-Hospital Information System) เพื่อให้การบริหารจัดการระบบคนไข้ มีประสิทธิภาพ ครบวงจร ตามมาตรฐานสากล และยกระดับคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเป็นสถาบันการแพทย์ระดับสากลและรองรับความต้องการของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น