'คลัง' เล็งปรับเงื่อนไขใช้จ่าย 'คนละครึ่งเฟส 3'
คลังเล็งปรับเงื่อนไขใช้จ่าย "คนละครึ่งเฟส 3" เพื่อลดข้อจำกัดในการใช้จ่ายช่วงโควิด-19 ขณะที่ เตรียมส่งหนังสือเตือนผู้ให้บริการส่งสินค้าและอาหารดิลิเวอร์รี่และร้านค้ารายย่อยร่วมกระทำผิดเงื่อนไข
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า สศค.กำลังพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้จ่าย โดยคาดว่า จะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 สัปดาห์
ทั้งนี้ หนึ่งในเงื่อนไขหลัก คือ การใช้จ่ายจะต้องเป็นไปในลักษณะ Face to Face หรือ การจ่ายเงินระหว่างประชาชนกับร้านค้า หรือ การใช้จ่ายแบบพบหน้ากันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ มีผู้ให้บริการส่งสินค้าและอาหารผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่รายหนึ่งได้รับบริการชำระเงินสินค้าและอาหารด้วยสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ซึ่งมีร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง ถือเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ดังนั้น สศค.จึงจะส่งหนังสือเพื่อตักเตือน และแจ้งให้ทราบว่า เป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไข
“ผู้ให้บริการส่งสินค้าและอาหารผ่านแพลตฟอร์มดิลิเวอร์รี่รายดังกล่าวนั้น ทราบดีว่า การกระทำดังกล่าว ถือว่า ผิดเงื่อนไขโครงการ เพราะเราได้เคยหารือกันตั้งแต่มีโครงการคนละครึ่งเฟสแรกๆแล้ว โดยอาศัยช่องของกฎหมาย ดังนั้น เราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งว่า เป็นการดำเนินการที่ผิดเงื่อนไขโครงการ”
ทั้งนี้ หากเราจะเปิดเงื่อนไขให้มีการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว ทางผู้ประกอบการจะต้องยินยอมที่จะเชื่อมระบบต่างๆกับเราด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- 'วิธีใช้คนละครึ่ง' เฟส 3 มือใหม่หัดใช้ ต้องเริ่มแบบนี้!
- ยืนยันตัวตน 'คนละครึ่งเฟส 3' ทำได้ 4 ช่องทาง เช็คที่นี่!!
- 'คนละครึ่งเฟส3' บริหารเงินใช้จ่ายยังไง ไม่ให้เสียสิทธิ์ ?
ผู้อำนวยการสศค.กล่าวด้วยว่า จริงๆแล้ว เราได้กำหนดระยะเวลาโครงการไว้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในโครงการนี้อยู่แล้ว คือ ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ถึงสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ดังนั้น ประชาชนไม่จำเป็นต้องรีบออกไปใช้สิทธิ
สำหรับยอดการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดยอดการใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท จากผู้ใช้จ่าย 7-8 ล้านราย ขณะที่ ยอดผู้มีสิทธิอยู่ที่ประมาณ 26 ล้านราย ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มียอดใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 54 ล้านบาท หรือ ใช้จ่ายประมาณ 3 พันราย จากยอดมีสิทธิประมาณ 4 แสนราย