กกร.จี้รัฐเพิ่มวัคซีนภาคอุตสาหกรรม

กกร.จี้รัฐเพิ่มวัคซีนภาคอุตสาหกรรม

กกร.เร่งรัฐจัดหาวัคซีน หวั่นโควิดลากยาวกระทบแผนเปิดประเทศ ชงเพิ่มสภาพคล่องเอสเอ็มอีผ่านบสย.เพิ่มการค้ำประกันเป็น 70% หวั่นสายป่านต่ำกระทบภาพรวมหนี้เสีย วอนเพิ่มวัคซีนภาคอุตสาหกรรม เพื่อรักษาความสามารถการส่งออก ขณะที่ ลดเป้าจีดีพีต่ำสุดเหลือ 0%

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)ในฐานประธานสมาคมธนาคารไทยแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ประจำเดือนก.ค.ว่า ที่ประชุมมีข้อเสนอต่อภาครัฐเกี่ยวกับการแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อประชาชนและภาพรวมเศรษฐกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทวีความรุนแรง

โดยในส่วนความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจนั้น กกร.ขอเสนอให้บสย.เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคาร และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็น NPL ที่ได้รับผลกกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้ NPL ทั่วไป รวมไปถึง การยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจาก อยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ การให้ความช่วยเหลือ SME ภายใต้โครงการ Faster Payment ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ผู้ประกอบการได้รับการชำระเงินค่าสินค้าได้เร็วขึ้นภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการขยายไปยัง SET100 และภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป เพิ่มจากเดิมที่ได้ดำเนินการ MOU ไปแล้ว 163 แห่ง

ในด้านการจัดสรรวัคซีนนั้น ขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมาก โดยเฉพาะที่กรุงเทพและปริมณฑล การกระจายวัคซีนไปยังศูนย์ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนทั้ง 25 ศูนย์ ที่พร้อมจะสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจากรัฐบาลมากระจายและเร่งการฉีดที่ 25 ศูนย์ที่มีความพร้อมที่จะสนับสนุนการฉีดได้มากถึง 8 หมื่นโดสต่อวัน และมีมาตรฐานในการรองรับผู้ฉีดทุกกลุ่ม

โดยขอให้รัฐบาลใช้ประโยชน์จากการเปิดศูนย์ฉีดฯ ให้เต็มประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบในภาพรวม โดยภาคเอกชนพร้อมที่จะช่วยรัฐบาลในการเร่งฉีดและกระจายวัคซีนให้ถึงมือประชาชนให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

นอกจากนั้น ควรเร่งแผนการจัดหาวัคซีนและมีจุดยืนชัดเจนทางเลือกเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อพลิกสถานการณ์สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว เพื่อการควบคุมการแพร่ระบาด โดยนำบทเรียนจากจัดหาวัคซีนรอบแรกมาปรับแผนเพื่อให้ประเทศไทยได้มีวัคซีนที่พร้อมต่อการรับมือกับเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์

ขณะเดียวกัน ขอให้จัดสรรวัคซีนสำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อรักษาความสามารถในการส่งออกสินค้าให้ได้ตามเป้าหมาย

สำหรับแผนในระยะยาว กกร. สนับสนุนให้ประเทศไทยต้องดำเนินการในการพัฒนาระบบ Digital Vaccine Passport โดยเฉพาะเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุม APEC 2022 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน รวมทั้งคนไทยในประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยต้องให้ระบบและข้อมูลเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเพื่อสนับสนุนทั้งในประเทศ INBOUND OUTBOUND ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ Open API ในการเชื่อมต่อต่อข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกับภาคส่วนต่างๆ

เขากล่าวด้วยว่า กกร.ยังสนับสนุนการพัฒนากองเรือของชาติ เพื่อส่งเสริมเรือที่เป็นของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ชักธงไทยบนเรือ โดยให้รัฐช่วยอำนวยความสะดวกด้านกฎ/ระเบียบ ตลอดจนโครงสร้างภาษี รวมทั้ง เร่งรัดการออก พ.ร.บ. ส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ.. ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อมีระเบียบรองรับการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลพาณิชยนาวี แบบองค์การมหาชน ทำหน้าที่ พัฒนาและส่งเสริมกิจการพาณิชยนาวีโดยตรง เพื่อให้กองเรือไทย ธุรกิจพาณิชยนาวีไทยแข่งขันกับต่างชาติได้อย่างเท่าเทียม

“หากภาครัฐต้องการมีบทบาทในการผลักดันกองเรือไทย โดยการมีกองเรือที่ภาครัฐมีส่วนร่วม ขอให้ใช้กลไกที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือ บริษัท บทด จำกัด ซึ่งรัฐถือหุ้นอยู่แล้ว เป็นกลไกส่งเสริมกองเรือและพาณิชยนาวีไทย ก็จะมีความคล่องตัวและเหมาะสม ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้”

นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากองเรือของชาติ ซึ่งมี ภาคเอกชน โดย กกร. เข้าไปมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนร่วมกับภาครัฐ เพื่อการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้

เขากล่าวด้วยว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า การแพร่ระบาดระลอกใหม่รุนแรงขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ การจ้างงานและรายได้แรงงาน ในพื้นที่ควบคุม

นอกจากนี้ มาตรการจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดในการกักตัว คาดว่า ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศตลอดช่วงไตรมาสที่สาม และอาจจะกระทบแผนการเปิดประเทศได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันในการควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็ว โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย

ภาคการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าที่คาดไว้เดิม แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มแผ่วลงเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้หลายประเทศอย่างอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ต้องกลับมายกระดับมาตรการควบคุมโรคอีกระลอก ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลกในระยะต่อไป แต่ภาคส่งออกไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตมากกว่าที่คาดไว้เดิม อย่างไรก็ตามภาคการผลิตของไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 และการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึง

เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อทำให้ผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่น สะท้อนการสำรวจโดย ธปท. ในเดือน มิ.ย. ที่พบว่าผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าธุรกิจอาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งช้ากว่าเดิม 6 เดือน โดยธุรกิจส่งออกเป็นเพียง Engine เดียวของเศรษฐกิจ สอดคล้องกับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำลงกว่าเดิม ดังนั้น เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากนโยบายเพิ่มเติม เพื่อพยุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ

เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อแนวโน้มส่งออกของไทยในระยะต่อไป ที่ประชุม กกร. จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นขยายตัวได้ในกรอบ 0.0% ถึง 1.5% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโควิด-19 และมาตรการเพิ่มเติมของรัฐ

ด้านการส่งออก กกร. ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 8.0% ถึง 10.0% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีกว่าคาด ภายใต้เงื่อนไขสามารถควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมได้ และการฉีดวัคซีนให้แรงงานภายใต้ ม.33 ได้ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%

เขายังกล่าวถึงโครงการสินเชื่อฟื้นฟูของธปท.ว่า ณ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 6 หมื่นล้านบาท จำนวน 1.9 หมื่นราย ส่วนพักทรัพย์พักหนี้อนุมัติแล้ว 900 ล้านบาท หรือ 11 ราย ส่วนประเด็นที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ คือ ออกเกณฑ์ยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทรัพย์ เพื่อไม่ให้เกิดภาระระหว่างพักทรัพย์พักหนี้ คิดว่า ธปท.จะสรุปเร็วๆนี้

ส่วนแนวโน้มปัญหาหนี้เสียนั้น เรามองเป็นความท้าทาย เนื่องจาก เครื่องมือที่ธปท.ให้แบงก์ดำเนินการนั้น เราสามารถเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและตัวลูกหนี้ทั่วไปได้ และการปรับหนี้ เลื่อนระยะเวลาชำระหนี้ ลดภาระหนี้ถึงสิ้นปียังสามารถดำเนินการได้อยู่ แต่ยอมรับว่า ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกสาม สายป่านผู้ประกอบการหลายรายค่อนข้างน่ากังวล ก็ทำให้มีความกังวลและแรงกดดันต่อหนี้เสียมีมากขึ้น

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐเพิ่มวงเงินค้ำประกันสินเชื่อของบสย.จาก 40% เป็น 70% เพื่อหนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องการให้ภาครัฐเร่งจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นว่า ต้องเป็นวัคซีนทางเลือกหรือไม่ แต่ขอให้เป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชนและภาคเอกชน รวมถึง ความมั่นใจต่อการประชุมเอเปกที่จะมีขึ้นในปีหน้า

“ขณะนี้ มีหลายโรงงานอุตสาหกรรมที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เราเซอร์เวย์จำนวน 6 พันโรงงาน แต่ขณะนี้ มีเพียง 1 พันโรงงานที่ได้รับวัคซีนเท่านั้น ก็ยังติดใจกันว่า เมื่อไรจะได้วัคซีน”

ส่วนนโยบายการล็อกดาวน์เพิ่มเติมนั้น เรามองว่า เรื่องล็อกดาวน์นี้ เราต้องหาว่า ต้นเหตุ คือ ตรงไหน และให้ผู้ประกบอการมีส่วนแสดงความคิดเห็น เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาแก้ไขการล็อกดาวน์ ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ปิดจุดนั้นไป นอกจากนี้ การล็อกดาวน์ต้องดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจและดูว่า เมื่อล็อกดาวน์แล้วจะคุมสถานการณ์แพร่ระบาดได้จริงหรือไม่ รัฐจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างไร

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หนุนให้รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนให้มากและเร็ว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องความปลอดภัยประชาชนโดยเฉพาะกทม.และปริมณฑล รวมถึง การเปิดประเทศใน 120 วัน