'Shipper LNG' รายใหม่ ยังลุ้นนำเข้า หลัง กบง.เปิดทางปี2564 แค่ 4.8 แสนตัน
การเปิดเสรีกิจการก๊าซฯ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันนำเข้า LNG ของภาคนโยบาย จนนำไปสู่การได้รับใบอนุญาตของ Shipper รายใหม่อีก 5 ราย และหลายบริษัท เตรียมพร้อมที่จะเริ่มนำเข้าในปีนี้ ขณะที่โควตานำเข้ามีแค่ 4.8 แสนตัน กกพ.จึงต้องจัดสรรให้ลงตัว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เชิญได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ(Shipper) ทั้งรายใหม่ จำนวน 5 ราย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ,บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน),บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด,บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก มาหารือร่วมกันตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 ที่มอบหมายให้ กกพ. เป็นผู้ดำเนินการจัดสรรปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ตามโครงสร้างของกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะที่ 2 คือ Regulated Market (กลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กกพ. จัดหา LNG เพื่อนำมาใช้กับภาคไฟฟ้าที่ขายเข้าระบบ) และ Partially Regulated Market (กลุ่มที่จัดหา LNG เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบ ภาคอุตสาหกรรมและกิจการของตนเอง) สำหรับ New Demand และกำหนดหลักเกณฑ์ในการนำเข้าของ Shipper รวมทั้งกำกับดูแลต่อไป
หลังจากที่ กบง. เห็นชอบปริมาณการนำเข้า Liquefied Natural Gas (LNG) ปี 2564 - 2566 ปริมาณรวม 5.24 ล้านตัน เพื่อรองรับแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2 ให้สามารถในการนำเข้า LNG ที่ไม่กระทบต่อ Take or Pay สำหรับปี 2564 จะมีปริมาณนำเข้า อยู่ที่ 0.48 ล้านตันต่อปี ปี 2565 จะมีปริมาณนำเข้า อยู่ที่1.74 ล้านตันต่อปี และปี2566 จะมีปริมาณนำเข้า อยู่ที่ 3.02 ล้านตันต่อปี
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( สำนักงาน กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า กกพ.ได้หารือกับทั้ง 5 ราย ถึงความพร้อมในการนำเข้า LNG ตามปริมาณที่ Shipperได้ยื่นเสนอขอนำเข้ากับ กกพ.ไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีความพร้อมนำเข้า LNG ได้เท่าไหร่ เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าใหม่หรือโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ติดสัญญาการซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับ ปตท.
โดยทาง กกพ.ได้ออกหนังสือถึง Shipper เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2564 เพื่อให้ตอบยืนยันปริมาณการนำเข้า LNG กลับมาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม กกพ. กำหนดให้ Shipper ที่สนใจนำเข้า LNG ต้องนำเข้าภายในเดือน ก.ค.-ธ.ค. 2564 เท่านั้น ภายใต้โควตา รวม 4.8 แสนตัน หรือนำเข้ารวมได้ประมาณ 7 ลำเรือ ซึ่งแต่ละลำบรรจุ LNG ได้ประมาณ 6.5 หมื่นตัน โดย Shipper ต้องจัดหา LNG และนำเข้ามาเองเท่านั้น
ทั้งนี้การนำเข้า LNG ในโควตาดังกล่าว เป็นเพียงการนำร่องทดลองนำเข้าเท่านั้น ไม่มีผลผูกพันไปถึงการนำเข้า LNG ของโควตาปี 2565 ขณะเดียวกัน กกพ.จะพิจารณาหลักเกณฑ์สำหรับโควตา LNG ในปี 2565 อีกครั้ง เช่น Shipper ต้องไปตกลงกับลูกค้าที่เป็นโรงไฟฟ้าปัจจุบันและไม่ติดสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ให้ซื้อ LNG กับ Shipper เป็นสัญญาระยะยาวแทน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนการซื้อของ ปตท.กับ Shipper ได้ตามใจ เป็นต้น
สำหรับกรณีการนำเข้า LNG ไม่เต็มโควตา 4.8 แสนตัน หรือกรณีไม่มี Shipper รายใดขอใช้โควตาเพื่อนำเข้าในปี 2564 เลย ทาง กกพ.จะพิจารณาคืนโควตาก๊าซฯให้ ปตท. เนื่องจาก ปตท. เป็นผู้แบ่งโควตามาให้ Shipper รายใหม่ ตามการพิจารณาของกระทรวงพลังงาน แต่หากกรณีมีการของโควตาเกินจำนวน 4.8 แสนตัน ทาง กกพ.จะพิจารณาร่วมกับ Shipper ว่าโรงไฟฟ้าใดที่ออกมาใช้ก๊าซฯของ Shipper แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ระบุว่า บริษัทมีโควตาการนำเข้า LNG จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี จะนำมาสู่โอกาสในการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้าและการจำหน่าย LNG
ก่อนหน้านี้ บี.กริม คาดหมายว่า จะเริ่มนำเข้า LNG ได้ในช่วงปลายปีนี้ หลังจากมีบริษัทผู้จำหน่าย LNG หลายราย มาเสนอขาย LNG กับทางบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่ง บี.กริม มีแผนที่จะทำสัญญาซื้อขายระยะยาว 7 ปี เพื่อนำมาป้อนเป็นเชื้อเพลิงใน โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 18 โครงการ ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ,โครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง เช่น SPP Replacement อีก 5 โครงการ รวมถึงโครงการในอนาคตที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนอยู่หลายโครงการ ซึ่งจะมีความชัดเจนลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ทั้งนี้ การนำเข้าLNG ได้จะส่งผลให้บริษัทลดต้นทุนการดำเนินงานลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะต้นทุนค่าก๊าซฯ คิดเป็น 65-70% ของต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท โดยราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง 1บาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 13-15 ล้านบาทต่อปี
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ระบุว่า หลังจากบริษัท ได้รับอนุมัติ เป็น Shipper รายใหม่จาก กกพ. ก็มีแผนจะนำเข้าก๊าซ LNG ปริมาณ 2.5 แสนตันต่อปี เพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าของตัวเอง ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม กำลังผลิตติดตั้งรวม 256 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิตติดตั้งรวม 121 เมกะวัตต์ อีกทั้งจะนำเข้ามาป้อนเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าทดแทน (SPP Replacement) กำลังการผลิตระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์ ที่จะหมดสัญญาในปี 2567
“โดยปีนี้ เอ็กโก คงไม่ได้นำเข้า LNG เพราะโควตามีน้อย และกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งราคา LNG ก็สูงขึ้น ซึ่งคาดว่า จะเริ่มนำเข้าได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป”
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า บอร์ด กกพ. ยังเตรียมพิจารณาการให้ใบอนุญาต Shipper อีก 2 รายที่เหลืออยู่ คือ บริษัทในเครือ ปตท.และบริษัทเครือ SCG ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ยื่นเอกสารเข้ามาแต่ไม่ครบถ้วน และ กกพ.ให้กลับไปจัดทำเอกสารมาใหม่ โดยหากทั้ง 2 รายได้ใบอนุญาตการเป็น Shipper ก็สามารถเข้าสู่กระบวนการขอนำเข้า LNG ในโควตา 4.8 แสนตันของปี 2564 ได้