ทอท.ปักธงสองสนามบิน ตั้ง รพ.สนาม 7 พันเตียง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยที่รอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก ภาครัฐจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม (ชั่วคราว) เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อประกอบกับพื้นที่ที่ตั้งของโรงพยาบาลบุศราคัม ที่อิมแพค เมืองทองธานี จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่ในเดือน ส.ค.นี้

ส่งผลให้กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุขจึงได้บูรณาการงานร่วมกัน เพื่อจัดเตรียมพื้นที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พัฒนามาเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยเบื้องต้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.มีความพร้อมในเรื่องของสถานที่ โดยจะปรับพื้นที่ของท่าอากาศยานที่ปัจจุบันไม่ได้เปิดใช้งาน มารองรับเป็นโรงพยาบาลสนาม

“ตอนนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าพื้นที่เหมาะสมในการพัฒนา จะมีพื้นที่หลัก คือ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลักที่ 1 หรือ SAT1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เหมาะสมที่จะทำโรงพยาบาลสนาม โดยใช้พื้นที่ประมาณ 1 แสนตารางเมตร รองรับเตียงผู้ป่วยได้อย่างน้อย 5,000 เตียงในระยะแรก”

 

 

 

 

โดยโรงพยาบาลสนามท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะพัฒนาแบ่งเป็น พื้นที่ชั้น 2 เป็นสถานที่ทำการของแพทย์และห้อง ICU ส่วนชั้น 3 และ 4 เป็นพื้นที่สำหรับคนไข้สีเขียวและเหลือง โดยจะเริ่มเปิดให้บริการได้ประมาณเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่โรงพยาบาลบุศราคัม อิมแพค เมืองทองธานี หมดสัญญาเช่าพื้นที่ และถือว่าโรงพยาบาลสนามท่าอากาสยานสุวรรณภูมิ จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากกว่าโรงพยาบาลบุศราคัม กว่า 3 เท่า

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานดอนเมืองยังอยู่ระหว่างจัดเตรียมพื้นที่อาคารคลังสินค้า 4 เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม (ชั่วคราว) รองรับได้ประมาณ 2,000 เตียง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง (สีเขียว) ทำให้ภาพรวมของความร่วมมือในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชั่วคราวของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ขณะนี้จะสามารถพัฒนาได้ 2 พื้นที่ รวมจำนวน 7,000 เตียง

ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เผยว่า ทอท.อยู่ระหว่างเตรียมเปิดพื้นที่อาคารคลังสินค้า 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง จัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับอาคารคลังสินค้า 4 ดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 16,000-18,000 ตารางเมตร (ตรม.) รองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 2,000 เตียง

โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่ทำความสะอาดภายในอาคาร เนื่องจากอาคารหลังนี้ถูกปิดไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2549 และเมื่อทำความสะอาดแล้วเสร็จ จะต้องมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้า เดินระบบไฟ ระบบน้ำ ติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติม รวมทั้งทำแผงกั้น จัดเตรียมห้องน้ำเคลื่อนที่ และเตียงนอน เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 12 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ อาคารคลังสินค้าดังกล่าว ตัวอาคารเป็นพื้นที่โล่งมีหลังคา มีการถ่ายเทอากาศได้ดี เป็นอาคารเดี่ยวที่อยู่ห่างจากอาคารผู้โดยสารหลัก (อาคา ร1 และ 2) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร และเมื่อปรับปรุงเป็นพื้นที่โรงพยาบาลสนาม (ชั่วคราว) จะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัย และมีการกั้นพื้นที่โดยรอบ ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าในสถานที่ มีการกำหนดเส้นทางการเข้า-ออก ทั้งเส้นทางที่ปลอดเชื้อ และเส้นทางกรณีฉุกเฉิน

รวมถึงระบบสุขาภิบาล เพิ่มมาตรการการบำบัดน้ำเสีย การระบายอากาศ การกำจัดสิ่งปฏิกูล ซึ่งก่อนการเปิดใช้จะต้องได้รับการอนุมัติ ตรวจและรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อกิจการท่าอากาศยานและชุมชนโดยรอบ