จีซีรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังปิดดีลซื้อ“ออลเน็กซ์”

จีซีรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก   หลังปิดดีลซื้อ“ออลเน็กซ์”

GC เตรียมรับรู้รายได้ปิดดีล Allnex รุกสารเคลือบผิวระดับโลก ปี65 หนุนอีิบิทดา 400 ล้านยูโรต่อปี กำไรสุทธิ เพิ่ม 50% เผยผลตอบแทน IRR สูง 13-15% ขณะที่ฐานะการเงินแกร่ง

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดเผยว่า ตามที่ PTTGC International (Netherlands) B.V. (“GC Inter B.V.”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ของ GC ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายกิจการ Allnex Holding GmbH (“allnex”) กับ Allnex Holdings S.à.r.l and Allnex S.à.r.l, (“ผู้ขาย”) ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารของ Advent International (“Advent”) นับเป็นก้าวสำคัญของ GC Group ในการปรับ Portfolio เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมถึงผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย

โดย GC จะยังคงบทบาทในการเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อพัฒนาตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ allnex และขยายไปยังตลาดเกิดใหม่ผ่านการลงทุนในอนาคต ในฐานะผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins allnex ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท เช่น ไม้ เหล็ก พลาสติก เป็นต้น รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่างๆ

“ดีลนี้ เราลงนามกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ภูเก็ตแซนบ็อกซ์ ก็เป็นการสนับสนุนนโยบายนำร่องเปิดประเทศของรัฐบาลและเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ดีลนี้ก็ศึกษามาร่วมปี ซึ่งทั้ง allnex และ GC ก็ตื่นเต้นที่จะมี synergy ร่วมกัน”

ทั้งนี้ allnex มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านยูโร หรือ 74,167.2 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 37.08 บาท ต่อ 1 ยูโร) โดยมี EBITDA Margin อยู่ที่ 17 – 19% นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายโรงงานการผลิตที่ทันสมัย 33 แห่งใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีอีก 23 แห่ง มีพนักงานประมาณ 4,000 คนทั่วโลก ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน allnex จึงเป็นผู้นำกว่า 70 ปี ในการผลิตและพัฒนานวัตกรรม Coating Resin สามารถใช้กับเทคโนโลยีการเคลือบที่หลากหลายและครอบคลุมการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ เหล็ก ยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

1626172590100

สำหรับการเข้าซื้อกิจการของ allnex เป็นการดำเนินการตามเป้าหมายกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตด้วยกลยุทธ์ Step Out ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและการแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในต่างประเทศ และกลยุทธ์ Step Up ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้วยการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) 

อีกทั้ง allnex มีผลกำไรที่แข็งแกร่ง และยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมีการวางกลยุทธ์ในการเจริญเติบโต 3 ด้านอย่างชัดเจน ได้แก่ ความเป็นผู้นำในตลาด Coating Resins คุณภาพสูง มุ่งแสวงหาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดใหม่ๆ และมุ่งมั่นพัฒนาสารเคลือบที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่ง CG พร้อมที่จะทำงานร่วมกับทีมงาน allnex เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสร้างคุณค่าให้กับสังคมร่วมกัน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อม

“ดีลนี้ มีมูลค่า 148,000 ล้านบาท ถือเป็นดีลที่มูลค่ามากที่สุดในการเข้าซื้อกิจการของ GC นับเป็นดีลประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ ซึ่ง GC ก็ยังมีการศึกษาโอกาส M&A โครงการอื่นๆที่เป็น HVB แต่คงจะไม่มีมูลค่าใหญ่เท่ากับ allnex และตอบไม่ได้ว่าจะปิดดีลในปีนี้หรือไม่”

นายคงกระพัน กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ GC ในปีนี้ ยังมั่นใจว่า ปริมาณการขายจะเติบโตตามเป้าหมายราว 8-10% ตามการทยอยเปิดเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1. โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP), 2โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide :PO) และ 3 โครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (PO) ซึ่งจะหนุนกำลังการผลิเพิ่ม ขณะที่ไตรมาส 2 การเติบโตยังไปได้ดีแต่คงไม่หวือหวาเท่าไตรมาส1 ที่ผ่าน ส่วนทิศทางตลาดในครึ่งปีหลัง อาจอ่อนตัวลงจากครึ่งปีแรก เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านการกลั่นอ่อนตัวลง รวมถึงผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ มาร์จินลดลง

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโครงการพลาสติกชีวภาพ หรือ ไบโอชีวภาพชนิด PLA ในประเทศไทย ของบริษัท เนเจอร์เวิร์ค จากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ GC จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนก่อตั้งโรงงาน PLA แห่งที่ 2 ในประเทศไทยหรือไม่ คาดว่าจะมีความชัดเจน ภายใน 1-2 เดือนนี้ หลังจากทาง เนจอร์เวิร์ค ได้เตรียมนำเรื่องเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติ ตามขั้นตอนหลังจากได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ต้องช่วยกันทำให้ประเทศไทยน่าสนใจเพียงพอที่จะดึงให้เข้ามาลงทุนต่อไป

ก่อนหน้านี้ บีโอไอ ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัดในกิจการผลิตโพลีแลคติค แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายประเภท เช่น การนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ใส่อาหารเพื่อการบริโภค ถุงชา แคปซูลกาแฟ และบรรจุภัณฑ์อาหาร เส้นใยใช้ในงานพิมพ์ชิ้นงาน 3 มิติ ผลิตเส้นใยที่นำมาใช้ผลิตผ้าอ้อม ผ้าเช็ดทำความสะอาด หน้ากากอนามัย รวมถึงอุปกรณ์ใช้ภายในบ้าน เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีการผลิต PLA ได้ปีละประมาณ 75,000 ตัน มูลค่าการลงทุนมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ใช้วัตถุดิบทางการเกษตรในประเทศ ได้แก่น้ำตาลปีละประมาณ 110,000 ตัน โครงการจะตั้งอยู่ที่ นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่ง NBC เป็นโครงการไบโอคอมเพล็กซ์แห่งแรกของประเทศไทยซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง BCG

162617260943

างสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี GC กล่าวว่า สำหรับสถานะการเงินของ GC ปัจจุบันอยู่ในระดับแข็งแกร่งมาก หลังปิดงบการเงินไตรมาส 1ปี 64 มีเงินสดในมือประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ถ้านำเงินไปฝากก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาไม่ถึง 1% ดังนั้น การได้ดีล allnex ที่มีมูลค่า 4,002 ล้านยูโร หรือ 148,000 ล้านบาท แม้จะมีมูลค่าสูง แต่เงินสดในมือก็มีเพียงพอ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน และยังมีเงินจาการขายหุ้นกิจการไฟฟ้าของ GPSC ออกไปอีก 2.3 หมื่นล้านบาท มีวงเงินการค้าชำระวัตถุดิบที่สามารถขยายอายุการจ่ายเงินได้อีก 3.2 หมื่นล้านบาท และยังมีจากผลดำเนินการครึ่งหลังของปี มีเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจาก ปตท. อีก 73,920 ล้านบาท และธนาคารต่างๆ ยังเสนอให้กู้อีกราว 1,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ บริษัทคาดว่าต้องกู้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะกู้หรือออกหุ้นกู้ก็ต้องพิจารณาต่อไป เรียกได้ว่า บริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินสูงมาก และการซื้อกิจการครั้งนี้ ไม่กระทบการจ่ายเงินปันผล

“ allnex มีอัตราเติบโตกว่า 10% มีรายได้ที่ดี มี EBITDA 400 ล้านยูโรต่อปี กำไรสุทธิ 50% ของ EBITDA ซึ่งมั่นใจว่าเราเข้าไปจะช่วยลดต้นทุนด้านการเงินได้ และดีลนี้คาดว่าจะสร้าง EBITDA margin ให้ GC เพิ่มไม่น้อยกว่า 2% และยังมีผลตอบแทน (IRR)สูง 13-15%  โดยดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นปลายปีนี้ จะรับรู้รายได้เพิ่มในปีหน้า”

นายมิเกล แมนทัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Allnex Holding GmbH หรือ allnex กล่าวว่า allnex ให้เป็นผู้เล่นระดับโลก (Global Player) พร้อมที่จะทำงานร่วมกับ GC เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและเติบโตไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ด้วยทรัพยากร เครือข่ายในอุตสาหกรรม และความชำนาญการในตลาดทวีปเอเชียแปซิฟิกของ GC จะช่วยให้เราสามารถลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และขยายรากฐานความแข็งแกร่งสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เป็นอย่างดี

นายโรนัลด์ อาลยส์ กรรมการผู้จัดการ และประธานฝ่าย Global Chemicals and Materials Practice บริษัท Advent International กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารกองทุนที่มีประสบการณ์สูงสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ระดับโลก Advent ได้สนับสนุนการดำเนินงานของ allnex ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ในการปรับโฉมองค์กรสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลก ด้านการผลิต Coating Resins ทำให้ allnex เติบโตด้วยจำนวนพนักงาน โรงงานการผลิต ศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงลูกค้าที่มีมากขึ้นกว่า 2 เท่า และการเข้ามาของ GC ทำให้ได้พบกับพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในการสนับสนุนการเติบโตก้าวใหม่ของ allnex และสืบทอดเรื่องราวความสำเร็จนี้ต่อ