พิษโควิดแอล.พี.เอ็น.หั่นโครงการใหม่เหลือ 6 โครงการ

พิษโควิดแอล.พี.เอ็น.หั่นโครงการใหม่เหลือ 6 โครงการ

แอล.พี.เอ็น. เบรกโครงการใหม่เหลือ 6 โครงการ มูลค่า 9,600 ล้านบาทเชื่อไม่กระทบเป้ายอดขาย–รายได้ทั้งปีล่าสุดเปิดตัวแบรนด์ “Villa 168 @ Westgate”จับเจนวาย -ผู้มีกำลังซื้อยุคใหม่อายุน้อย ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นส่วนตัว

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เผยถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังปี64 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลากยาวมาต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2มาถึงปัจจุบัน ประกอบกับมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วันในเดือน ก.ค.64 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดล่าสุดตามนโยบายของรัฐบาลทำให้บริษัทมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 64 จากเดิมที่วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 8-9 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ในปี 64 มาเป็นเปิดใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 9.6 พันล้านบาท


นายโอภาส ระบุว่า การปรับลดการเปิดโครงการใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้ายอดขายรวมที่ตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยอดขายในครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 4.17 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 41.70% ของเป้ายอดขาย เนื่องจากบริษัทยังมีสินค้าคงเหลือพร้อมขาย (Inventory) ทั้งอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัย มูลค่ารวม 9.5 พันล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) อีกมูลค่า 2.7 พันล้านบาท


“เพื่อทำให้ยอดโอนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด เราได้มีการเพิ่มกลยุทธ์การขายโดยการนำเทคโนโลยีการเข้าเยี่ยมชมโครงการในแบบ 3-D Virtual Interactive ให้ลูกค้าสามารถเข้าชมโครงการของบริษัทได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นผ่าน 3-D Digital Platform โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาที่โครงการและเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งเป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น”นายโอภาส กล่าว


ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโมเดลธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้รวมแตะ 2 หมื่นล้านบาทในปี 67 ซึ่งในปี 64 เป็นปีแรกที่มีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์องค์กร ซึ่งจะค่อยๆเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้บริษัทเดินหน้าในการสร้างการเติบโตกลับมา แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของธุรกิจเข้ามาอยู่ แต่ยังเชื่อมั่นว่าหากปัจจัยที่กดดันได้ผ่านพ้นและคลี่คลายลงไป บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้


นายโอภาส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 64 แนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงราว 30% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 63 จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ยังมองว่าแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลายลงมีการเร่งกลับมาเปิดโครงการใหม่มากขึ้น ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่จะกลับมาเติบโตได้ 5-10% ในช่วงครึ่งหลังของปีของปีนี้ และเป็นการเปิดเพื่อชดเชยกับสินค้าคงเลือกที่ได้ขายออกไป ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดมีสินค้าใหม่รองรับการสร้างรายได้ต่อเนื่องในปี 65-67

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ยังคงเป็นเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นแตะระดับ 90% ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงในระดับ 40-50% ประกอบกับความไม่มั่นใจในรายได้ในอนาคตของกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่มองว่าผู้ประกอบการต่างๆได้มีแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้

ทั้งนี้ โครงการใหม่ของแอล.พี.เอ็น. ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้ จะมีการเปิดตัวบ้านภายใต้แบรนด์ Villa 168 @ Westgate ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว มีจำนวนเพียง 20 หลัง บนทำเลศักยภาพย่าน บางใหญ่ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ มูลค่า 226 ล้านบาท และเปิดตัวทาวน์เฮาส์อีก 2 โครงการภายใต้แบรนด์ ลุมพินี ทาวน์เพลส ลาดพร้าว 101-โพธิ์แก้ว มูลค่า 600 ล้านบาท และ ลุมพินี ทาวน์วิลล์ สายไหม 18-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 562 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังเปิดตัวคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย มูลค่า 3 พันล้านบาท และโครงการ ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” มูลค่า 2.5 พันล้านบาท โดยจะทะยอยเปิดตัวโครงการเมื่อสถานการณ์ล็อกดาวน์คลี่คลาย

สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรกมี 1 โครงการ คือ โครงการบ้าน 365 แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมามูลค่า 2.7 พันล้านบาท และจะเปิดอีก 5 โครงการ มูลค่า 6.9 พันล้านบาท ส่วนในครึ่งหลังของปี 64 จะเปิดใหม่อีก 5 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่า 1.4 พันล้านบาท และอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ มูลค่า 5.5 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้ารายได้ในปี 64 ไว้ที่ 7 พันล้านบาท