ปตท.เดินหน้างบ 1.7 พันล้าน นำเข้ายาเรมเดซิเวียร์ - ฟาวิพิราเวียร์ หนุนรัฐรับมือโควิด
ปตท.โชว์ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกโต 23% เหตุเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทุ่มงบ 1,700 ล้านบาท ดันโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” สู้โควิด เตรียมนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์ และฟาวิพิราเวียร์ บริจาคให้ภาครัฐต่อเนื่อง
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2564 เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 กลุ่ม ปตท. มีรายได้จากการขายจำนวน 1,011,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 186,201 ล้านบาท หรือ 23% จากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ
โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ทั้งจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการและราคาของ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน
ทั้งนี้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 216,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129,570 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% ตามรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้น และธุรกิจการกลั่นที่มีกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กลุ่ม ปตท. มีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2564 จำนวน 57,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,667 ล้าน บาท หรือมากกว่า 100%
โดย กลุ่ม ปตท. ยังคงลงทุนต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพื่อกระตุ้นลมหายใจเศรษฐกิจ ด้วยวงเงินลงทุนของกลุ่ม ปตท. ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) รวม 865 พันล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) และจัดเตรียมงบลงทุนของกลุ่ม ปตท. ในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีก 784 พันล้านบาท ตามกรอบวิสัยทัศน์ Powering Life with future energy and beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.ได้ปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับทิศทางอนาคต มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) พร้อมเป็น Regional LNG Hub เข้าสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ลงทุนเตรียมพร้อมรองรับกระแสยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพตามทิศทางโลก อาทิ มุ่งสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และมุ่งขยายการค้าปลีกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก รวมถึงขยายการลุงทุนในธุรกิจ Life Science (ยา nutrition และอุปกรณ์ทางการแพทย์) ดึงความเชี่ยวชาญจากต่างประเทศ จับมือพันธมิตรทั้งในไทยและต่างชาติ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ปตท. ร่วมเคียงข้าง ดูแลสังคมไทยด้วย “โครงการลมหายใจเดียวกัน” ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ 400 เครื่อง พร้อมออกซิเจนเหลว แก่หน่วยงานรัฐ และโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง สนับสนุนโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง และสนับสนุนหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก 4 พื้นที่ความเสี่ยงสูงในกรุงเทพมหานคร จัดหาและนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) บริจาคให้ภาครัฐ พร้อมเตรียมนำเข้าเพื่อบริจาคอีกต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนจะมีการนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์เพิ่มเติมอีก 1 หมื่นขวด รวมถึงยาฟาวิพิราเวียร์ อีก 1 ล้านเม็ด
นอกจากนี้ ปตท. ยังขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาทต่อคนต่อเดือน ต่อไป อีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 และล่าสุดจัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และพันธมิตรทางการแพทย์ รวมวงเงินช่วยเหลือกลุ่ม ปตท. ตลอดช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา จำนวน 1,700 ล้านบาท