นิคม "ปิ่นทองอินดัสเตรียล ปาร์ค" ตบเท้าเข้าตลาดหุ้นนับ 1 ไฟลิ่ง

นิคม "ปิ่นทองอินดัสเตรียล ปาร์ค"  ตบเท้าเข้าตลาดหุ้นนับ 1 ไฟลิ่ง

ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค พร้อมเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นไทย หลังไฟลิ่งมีผลนับ 1 ชูจุดเด่น พื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) ชลบุรีและระยอง พร้อมแผนลงทุนโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม

นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า การเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย จากการดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์  โดยมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมพร้อมระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park)นอกจากนี้บริษัทฯ ยังลงทุนและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF)

โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรีจำนวน 200 ไร่จนปัจจุบันบริษัท มีพื้นที่ที่พัฒนาแล้วกว่า 7,500 ไร่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ได้พัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยองซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของไทยภายใต้เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและอยู่บนถนนหลักที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภา

โดยมีนิคมอุตสาหกรรมและโครงการ Logistics Park ที่เปิดดำเนินการแล้วรวม6โครงการ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 1 (PIN1)นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (แหลมฉบัง) (PIN2)นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 3 (PIN3)นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 4 (PIN4) นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง โครงการ 5 (PIN5) และโครงการLogistics Park จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการปิ่นทองแลนด์ (PL)โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีฐานลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งรวมกัน 282 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการจากต่างชาติ ประมาณร้อยละ 89 ของฐานลูกค้าทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการจาก ญี่ปุ่น จีนไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะที่ผู้ประกอบการไทยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 11ของฐานลูกค้าทั้งหมด  

     

 

 

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIN กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเติบโตของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากประสบการณ์ในสายอุตสาหกรรม และความเชี่ยวชาญในธุรกิจพัฒนาและบริหารพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และ Logistics Parkบริษัทฯ จึงพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมจำนวน 2 แห่งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ได้แก่ โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6(PIN6)พื้นที่โครงการประมาณ 1,322 ไร่ ที่จังหวัดระยอง ภายใต้แนวคิดEco Industrial Townหรือนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสอดรับนโยบายภาครัฐที่ผลักดันพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมสมัยใหม่(S-curve) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลักซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการเฟสแรกและคาดว่าจะเริ่มการขายพื้นที่โครงการได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะจัดตั้งและพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่โดยพัฒนาที่ดินและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าเพื่อให้เช่าบนพื้นที่ของโครงการที่ประกอบด้วยเขตปลอดอากร (Free Zone) และเขตทั่วไป (General Zone)ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีโครงสร้างรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income) ในรูปแบบค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้นทั้งนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนของแผนพัฒนาได้ภายในปีนี้

โดยรายได้จากการขายและการบริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) อยู่ที่ 888.88 ล้านบาท 789.28 ล้านบาท และ 1,062.85 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 216.43 ล้านบาท 223.70ล้านบาท และ 403.89  ล้านบาทซึ่งปัจจัยการเติบโตที่ดีในปีที่ผ่านมานั้น มาจากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในโครงการ PIN3, PIN4 และ PIN5 เพิ่มขึ้นเป็น 204.37 ไร่ จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ขายที่ดินได้ 170.01 ไร่

          

 

สำหรับงวด 6 เดือนของปี 2564 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากจำนวนที่ดินที่ขายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 99.31 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นายอารภัฏ สังขรัตน์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 290 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนนั้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย PIN นำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้มาเสริมความแข็งแกร่งการดำเนินงานจากแผนลงทุนโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ เพื่อรองรับการลงทุนของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานต่อไป อันจะทำให้บริษัทฯมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตของรายได้แก่บริษัทฯได้อย่างมั่นคงต่อไป