ลลิล ลุ้นอสังหาฯฟื้นไตรมาส4 หลังรัฐฉีดวัคซีนตามแผน
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยครึ่งปีแรกยอดเกินเป้า หลังล็อกดาวน์ ปิดแคมป์ยอดไตรมาส3 สะดุด 20-30% ลุ้นฉีดวัคซีนตามแผนหนุนท่องเที่ยว และส่งออกฟื้นช่วยสร้างเม็ดเงินคืนสู่ระบบเศรษฐกิจดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวกระตุ้นอสังหาฯ
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลประกอบการของบริษัทช่วงครึ่งแรกปีนี้ รับรู้รายได้ 3,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% จากเป้าหมาย โดยเกินเป้า 200 ล้านบาท เกิดจากการที่ดีมานด์ส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาสนใจบ้านแนวราบเพิ่มขึ้นหลังเกิดโควิด-19 เพราะมีความกังวลในการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ประกอบกับมีมาตรการให้ทำงานที่บ้าน ซึ่งหากอยู่คอนโดขนาด 30 ตร.ม.มีพื้นที่จำกัด
อย่างไรก็ตามในด้านภาพรวมตลาดแนวราบไม่โตเท่าที่ควร สังเกตได้จากตัวเลขจดทะเบียนกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงตลาดคอนโด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
“เดิมคิดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดี แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา เข้ามาส่งผลกระทบผลประกอบการไตรมาส 3 ที่มีมาตรการล็อกดาวน์ ปิดแคมป์คนงาน ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ยอดขายและรายได้ทั้งปีจะโตขึ้นเหมือนครึ่งปีแรก เพราะได้รับผลกระทบในไตรมาส 3 หนักกว่าไตรมาส 2 ที่เกิดโควิดจากย่านทองหล่อ”
นายชูรัชฏ์ กล่าวว่าจากข้อมูลพบว่า ยอดขายในไตรมาส 3 ช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาลดลง 20-30% เนื่องจากลูกค้ากังวลในการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการ ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์จัดเวอร์ชวลทัวร์ให้กับลูกค้า จัดไลฟ์แบบตัวต่อตัว หรือพรีบุ๊กกิ้งเพื่อชมโครงการในไซต์งานก่อสร้าง แต่ละครอบครัวที่เข้ามาจะไม่เจอกับลูกค้าครอบครัวอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
ส่วนการที่รัฐคลายล็อกดาวน์ เห็นว่ากำลังซื้อและอารมณ์ซื้อของลูกค้ายังไม่กลับมา มีเพียงดีมานด์การเข้าร้านปิ้งย่างในห้างฯ ที่กลับมา ส่วนการปลดล็อกการปิดแคมป์คนงานช่วยเรื่องการก่อสร้างให้สามารถกลับมาเดินได้ตามปกติ ในเดือนส.ค. แต่ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง เพิ่งลดลงเหลือระดับหมื่นคนต้นๆช่วงเดือน ก.ย. นี้ ในมุมของลูกค้ายังมีความกังวลพอสมควร แต่การก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ตามปกติ
“ต้องยอมรับว่า ปีนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ เนื่องจากล็อกดาวน์ยาวนาน เศรษฐกิจฟื้นช้า เพราะได้รับผลกระทบและบอบช้ำมานานโดยเฉพาะท่องเที่ยวแม้ว่าจะมีการคลายล็อกดาวน์”
ส่วนภาพรวมไตรมาส 4 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3 เนื่องจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และหากทำได้ตามแผนจะทำให้ธุรกิจสามารถเปิดได้เต็มรูปแบบ ลดความรุนแรงของโควิดลง
นอกจากนี้การเปิดภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ และจะขยายไปเปิดตามหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น สมุย พัทยา เชียงใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทยอยเปิดตัวส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งตัวเลขการส่งออกเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาหากฉีดวัคซีนได้ตามแผนและโควิดไม่กลายพันธุ์หรือเกิดโควิดระลอก5 ออกมา
นายชูรัชฏ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลทำให้เศรษฐกิจ และอสังหาฯฟื้นตัว คือ 1. การฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย 2. การคลายล็อกดาวน์ในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและสามารถคุมตัวเลขการติดเชื้อ ทุกคนดูแลตนเองได้ดีใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท 3. การส่งออกดีขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนมาตรการรัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คงเป็นเรื่องมาตรการการคลังเรื่องเพดานหนี้ที่ควรจะยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เดินต่อไปได้ทำให้เกิดตัวคูณ (Multiplier)เหมือนในอเมริกา ยุโรป เพราะภาคการเงินดอกเบี้ยต่ำมากแล้ว
นายชูรัชฏ์ ระบุว่า แนวทางการปรับตัวของลลิล เริ่มจากการลีนองค์กร เพิ่มกระแสเงินสดให้เพียงพอจะรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอน หรือวิกฤติที่เกิดขึ้น ซึ่งลลิลไม่มีปัญหานี้เนื่องจากมีวงเงินในธนาคาร 2,600 ล้านบาทยังไม่ได้เบิกและมีวงเงินให้กู้ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวงเงินสำรองภายในเพียงพอ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีเปิดตัว9 โครงการมูลค่า 6,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกเปิดไป 5 โครงการ กำลังจะเปิดอีก 2 โครงการในไตรมาส 3 และในไตรมาส 4 เหลือ 2 โครงการที่เปิดตัวในโซน นนทบุรี เป็นโครงการทาวน์โฮมแบรนด์ไลโอ และโซน สุวรรณภูมิ ภายใต้แบรนด์แลนซีโอ เป็นบ้านขนาดกลางจับกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกราคา 3-6 ล้านบาท คาดว่า จะสามารถทำยอดขายและรายได้ได้ตามเป้าหมายตั้งเป้าของขายไว้ 7,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท