เปิดเมือง “พัทยา มูฟออน” “สนธยา”พร้อมนักรับท่องเที่ยว

เปิดเมือง “พัทยา มูฟออน” “สนธยา”พร้อมนักรับท่องเที่ยว

นายกเมืองพัทยา เผย ความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว ตามแผนงาน Pattaya Move On เผยฉีดวัคซีนคลอบคลุมแล้ว 70 %ของประชากรในพื้นที่ คาดเปิดเมืองมีนักท่องเที่ยวมา 2 แสนคนต่อเดือน แนะรัฐผ่อนกฎห้ามดื่มแอลกอฮอล์หนุนท่องเที่ยว

การเปิดเมืองท่องเที่ยวต่อจาก “โครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” และ “โครงการสมุย พลัส” มองไปที่ 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์และเชียงใหม่ โดยที่ผ่านมามีการเตรียมความพร้อมเปิดเมืองท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี คือ พัทยา อ.บางละมุง และ อ.ศรีราชา เพื่อเปิดเมืองในวันที่ 1 ต.ค.2564

ในขณะที่การดำเนินการรูปแบบการดำเนินการจะปรับโมเดลที่ใช้บริหารจัดการท่องเที่ยวในรูปแบบ Sealed Area หรือภายในพื้นที่ที่กำหนดมาใช้ในเมืองพัทยา

สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยาพร้อมแล้วที่จะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ต.ค.2564 ซึ่งจังหวัดชลบุรี ได้มีการประชุมร่วมกับ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อ 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา และคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดชลบุรี โดยได้ให้ความเห็นชอบแผนงาน Pattaya Move on (พัทยา มูฟออน) ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ภาคเอกชนเมืองพัทยา 

รวมทั้งขณะนี้ตัวเลขการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนในพื้นที่เฉลี่ยเกือบ 70% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งถึงจุดที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว และเมืองพัทยาก็กำลังเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มประชาชนแฝงที่อยู่ในเมืองเพื่อให้ยอดการฉีดวัคซีนได้กระจายไปทั่วเมืองพัทยา โดยรวมแล้วเมืองพัทยาได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่แล้วประมาณ 40,000 คน

ด้านความพร้อมของผู้ประกอบการในเมืองพัทยานั้นขณะนี้ตามแผนงาน Pattaya Move on สมาคมผู้ประกอบการเมืองพัทยาได้มีการรายงานการฉีดวัคซีนให้กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทราบว่า ในแต่สถานประกอบการก็ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 90% โดยส่วนใหญ่ที่เป็นโรงแรมหรือที่พักก่อนหน้านี้ได้แปลงเป็นที่กักตัวของผู้ป่วยโควิด-19 หรือ Alternative Local State Quarantine (AQ, ALQ หรือ ALSQ) พนักงานก็ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน

 

เปิดเมือง “พัทยา มูฟออน” “สนธยา”พร้อมนักรับท่องเที่ยว

 

ภาพรวมการฉีดวัคซีนของเมืองพัทยามีการฉีดวัคซีนคลอบคลุมประชากรไปแล้ว 70% และยังมีวัคซีนทยอยมาฉีดให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเมืองพัทยามีความพร้อมในการเตรียมเปิดเมืองเพื่อรับนักท่องเที่ยวได้แล้ว อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะมาเมื่อไร มีจำนวนเท่าใด ซึ่งทุกอย่างก็ต้องอิงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดและ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วย แต่เราก็เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว ”นายกเมืองพัทยา กล่าว

สำหรับความพร้อมในเรื่องอื่นนั้น เมืองพัทยา ได้เสนอรูปแบบการท่องเที่ยวเป็นแบบ Seal Route หรือเส้นทางการท่องเที่ยวตามความสมัครใจของสถานประกอบการแต่ละประเภทไปแล้ว โดยนำโมเดลของภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์มาปรับใช้กับเมืองพัทยา โดยปรับโครงการเป็นการเที่ยวแบบไม่กักตัวแต่อยู่ในพื้นที่จำกัด (Sealed Area) และในเส้นทางที่กำหนด (Sealed Route) หรือการกำหนดโปรแกรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่จะต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ 

ทั้งนี้ เพื่อให้ใช้บริการในสถานที่ที่ผ่านมาตรฐาน SHA+ หรือความปลอดภัยและภาคบริการที่มีการฉีดวัคซีนแล้วเกินกว่า 70% ในพื้นที่ท่องเที่ยว คือ พัทยา บางละมุง สัตหีบ ภายใต้หลักการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด เช่นเดียวกันกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อก เพื่อไม่เกิดความลักลั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและไม่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพราะเมืองพัทยา บางละมุงและสัตหีบมีความแตกต่างด้านภูมิประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมนักท่องเที่ยว

อ่านข่าว : เอกชน "หัวหิน" โอดรัฐอย่าเหมาเข่งเลื่อนเปิดเมือง โชว์ความพร้อมทัน 15 ต.ค.

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางแผนร่วมกับภาคเอกชนทำการตลาด โปรโมชั่น แพ็คเกจท่องเที่ยวเมืองพัทยา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในเมืองพัทยา บางละมุงและสัตหีบ ส่วนทางเมืองพัทยาจะดูในเรื่องของมาตรการด้านสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐานในการอำนวยความสะดวกในการรับนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ได้มีการประเมินด้านการท่องเที่ยวหากเมืองพัทยา บางละมุงและสัตหีบ สามารถเปิดเมืองได้ ก็คาดว่า น่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว ประมาณ 20% ของจำนวนนักท่องเที่ยวปกติที่มาเที่ยว หรือประมาณ 2 แสนคนต่อเดือน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากจะกลับไปเหมือนเดิมคงต้องใช้เวลา แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตามการเปิดรับนักท่องเที่ยวก็อยากให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมบางอย่าง เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการรับประทานอาหารในร้าน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนต่างชาติและหากสามารถทำได้ก็จะช่วยนักท่องเที่ยวรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น

รวมทั้ง ททท.ได้เตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เพื่อพิจารณาเปิด 5 จังหวัด เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR มีผลเป็นลบไม่ติดเชื้อ โดยไม่ต้องกักตัวภายใต้หลักการปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้มีการปรับภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยาเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและคุณภาพชีวิต ควบคู่กับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม​ โดยโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดเมืองพัทยา ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ดำเนินการตามแนวทาง NEO Pattaya จะช่วยส่งเสริมให้เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รองรับการขยายตัวของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาให้เกิดความสมดุลยั่งยืนระหว่างเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะดึงดูดการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามมา ทำให้เมืองพัทยากลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

​ “โครงการปรับภูมิทัศน์ครั้งนี้จะดำเนินควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความสมดุล ยั่งยืน และคำนึงถึงคุณค่าสิ่งแวดล้อม ทั้งต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้พื้นถิ่น เช่น ต้นนนทรี ต้นหูกวาง ซึ่งเป็นต้นไม้ดั้งเดิม 75% ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี"

ทั้งนี้ เมืองพัทยาได้ดำเนินการแผนพัฒนาเมืองพัทยา ตามแนวทางพัทยาโฉมใหม่ NEO PATTAYA ขณะนี้การดำเนินการมีความคืบหน้าไปพอสมควรแม้จะมีการแพร่ระบาดของโรค“โควิด-19” โดยการดำเนินการได้มีการจัดลำดับ ซึ่งในส่วนของแผนพัฒนาพื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวเมืองพัทยาประกอบด้วย

1.แผนพัฒนาตลาดลานโพธิ์นาเกลือ (Old Town นาเกลือ) ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชน 2.แผนพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งเมืองพัทยาให้ได้มาตรฐานสากล อาทิ เชื่อมต่อสถานีรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่ 

3.แผนพัฒนาระบบระบายน้ำ บำบัดน้ำเสียเมืองพัทยา ได้ร่วมมือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง