ส่องหุ้นธีม “น้ำท่วม” ตัวไหนควรมีติดพอร์ต?
จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่กว่า 30 จังหวัด ในเขตภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก
โดยบ้านเรือนที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ สถานที่ราชการ โรงเรียน โรงพยาบาล วัดวาอาราม ไปจนถึงพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายหนัก ถนนหนทางถูกตัดขาด การเดินทางสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยมีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วมากกว่า 2 แสนครัวเรือน
แม้ว่าสถานการณ์ในหลายพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ แต่อีกหลายจังหวัดน้ำยังท่วมสูง ยังต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะรับน้ำมาจากตอนบนของประเทศ ซึ่งขณะนี้หลายเขื่อนกำลังเร่งระบายน้ำ เพื่อผลักดันออกสู่ทะเล
โดยหอการค้าไทยประเมินว่าน้ำท่วมรอบนี้จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยวันละ 5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นถูกกดดันจากประเด็นน้ำท่วมเช่นกัน เนื่องจากหวั่นวิตกว่าน้ำอาจท่วมหนักซ้ำรอยปี 2554 ส่งผลให้หุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (27 ก.ย.-1ต.ค.) ปรับตัวลดลง 1.59% จากสัปดาห์ก่อน
แต่ขณะเดียวกันมีแรงเก็งกำไรหุ้นหลายกลุ่มที่คาดจะได้รับอานิสงส์จากน้ำท่วม โดยเฉพาะ “กลุ่มวัสดุก่อสร้าง” ที่ต้องนำมาใช้ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายหลังน้ำลด
สำหรับหุ้นที่โดดเด่นขึ้นมา เช่น “กลุ่มกระเบื้อง” มีบริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO, บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI ที่วอลุ่มเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติหลายเท่าตัว
เช่นเดียวกับบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ที่มีสินค้าหลักอย่างหลังคาและไม้สังเคราะห์ และหุ้นสี อย่างบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ส่วนบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO จะได้รับอานิสงส์จากการซ่อมแซมถนน หนุนความต้องการใช้ยางมะตอยเพิ่มขึ้น
ส่วนกลุ่มร้านขายวัสดุก่อสร้างมีหลายสาขาที่ถูกน้ำท่วม เช่น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL แจ้งว่ามีสาขาด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และสาขาชัยภูมิ ที่ถูกน้ำท่วม มีสินค้าบางส่วนได้รับความเสียหาย แต่บริษัททำประกันภัยคุ้มครองความเสียหายไว้แล้ว
บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ยังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ แต่ก็มีหลายสาขาที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วม ทั้งขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา อย่างไรก็ตามคาดว่าดีมานด์จะกลับมาหลังน้ำท่วมคลี่คลาย
อีกกลุ่มที่ห้ามมองข้าม คือ “กลุ่มโรงพยาบาล” ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการรักษาโรคที่มากับน้ำท่วม แนวโน้มผู้ป่วยมีโอกาสเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 3 ถือเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน อากาศเปลี่ยนแปลง จำนวนคนไข้จะมากที่สุดในรอบปี
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หากย้อนกลับไปดูตลาดหุ้นไทยช่วงที่เกิดวิกฤตน้ำท่วมปี 2554 พบว่า ภายในระยะเวลา 2 เดือน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงถึง 24.5% และใช้เวลาถึง 5 เดือนกว่าจะฟื้นกลับมา แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะถูกผลกระทบแรงทั้งหมด ฝ่ายวิจัยจึงทำการวิเคราะห์และค้นหาหุ้นที่เป็นเหมือนถุงยังชีพติดพอร์ต เพื่อหลบหรือลดความเสี่ยงจากกรณีน้ำท่วม ดังนี้
1. หุ้นปลอดภัยได้กระแสการรักษาโรคจากเหตุน้ำท่วม อย่างกลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ซึ่งมีความผันผวนต่ำเหมาะกับการหลบความผันผวนของตลาด และยังได้รับอานิสงส์จากปริมาณผู้ป่วยที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากภัยน้ำท่วม ขณะที่ราคาหุ้นในอดีตปี 2554 แข็งแรงกว่าตลาดมาก
2. หุ้นที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นเกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค อย่างกลุ่มค้าปลีกหรืออาหาร แนะนำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าจำเป็นในการยังชีพมากขึ้น
และ 3. หุ้นที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้านเรือนและสถานที่หลังน้ำท่วม แนะนำ TASCO, GLOBAL, DRT, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC