จับเทรนด์ "หุ้นพลังงาน" ขาขึ้น น้ำมัน -แก๊ซ-ถ่านหิน พุ่งไม่หยุด
ทุกๆไตรมาส 4 ของทุกปีปริมาณความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกเพิ่มสูงจากระดับปกติ จากการเข้าสู่ฤดูหนาวแต่ในปี 2564 ทั่วโลกเกิดวิกฤติขาดแคลนพลังงาน จนส่งผลทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกตลาด ซึ่งย่อมมีผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทยตามไปด้วย
ตลาดใหญ่ที่ใช้ปริมาณมากของโลกอย่างจีน เผชิญปัญหาหนักมากที่สุดจนทำให้เกิด “วิกฤติขาดแคลนพลังงาน” เลยก็ว่าได้ เมื่อ รัฐบาลออกมาตรการควบคุมสิ่งแวดล้อมซึ่งกระทบการทำเหมืองถ่านหินในประเทศ
ตามมาด้วยปัญหาสะดุดด้านอุปทาน จนทำให้ราคาสินค้าที่สูงขึ้น ถึงขั้นกดดันให้บรรดาโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศจีนต้องปรับลดการผลิตรับต้นทุนสูงขึ้นไม่ไหว ซึ่งภาคประชาชนได้รับผลกระทบเพราะมณฑลหลายแห่งของจีนเริ่มไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับผู้อยู่อาศัยได้
ปัญหาการขนส่งพลังงานในอังกฤษ ที่ขาดแคลนแรงงานขนส่งจากการระบาดโควิด ส่งผลทำให้เกิดการแห่ตุนน้ำมันผลักดันความต้องการเพิ่มสูงขึ้น หรือแม้แต่ในสหรัฐที่เผชิญฤดูหนาวมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จากราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีหรือ ต.ค. 2561 (27 ก.ย.) 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ,ตลาดเบรนท์ (BRENT) ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิด สูงสุดรอบ 3 ปีเช่นกัน
ถัดมาราคาถ่านหินพึ่งจะทำนิวไฮ (1 ต.ค. ) 230 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2563 เกือบ 3 เท่าตัว อยู่ที่ราว 80 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งสำหรับประเทศไทยที่เป็นผู้บริโภคและนำเข้าเป็นหลักทำให้เป็นต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นของประชาชนและภาคธุรกิจ จนทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ยาก
ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันจาก B7 เหลือ 1 สตางค์ จาก 1 บาท และลคค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท รวมทั้งเตรียมเงินกองทุนน้ำมันราว 3 พันล้านบาท หวังกดราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรและตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG)จนถึงสิ้น ม.ค. 2565 เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน
ท่าทีของคณะรัฐมนตรีคลังของยูโรโซนเช่นเดียวกันวิตกว่าราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอาจจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง ทำให้มีการหารือกันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว และอาจจะต้องจัดเตรียมงบประมาณสำหรับปี 2565 รับผลกระทบอย่างมากจากต้นทุนพลังงาน
หุ้นพลังงานได้รับปัจจัยบวกดังกล่าวหุ้นถ่านหิน ซึ่งปรับตัวขึ้นโดดเด่นราคาหุ้นปลายปี 2563ถึงปัจจุบัน บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU +84 % ,บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA +257% และบริษัท เอจีอี เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE +100 %
มุมมองของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาถ่านหินที่ยังเป็น Commodity ที่โดดเด่น ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากอุปทานเกิด shortage และความต้องการใช้กลับมาตามเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และวิกฤติขาดแคลนพลังงานในจีน
พร้อมแนะนำหุ้น BANPU จากราคาถ่านหินสูงขึ้นต่อเนื่องจะหนุนผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง (H2/64) จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วง ครึ่งปีแรก 2564 โดยได้รับแรงหนุนทั้งจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซ
ด้านหุ้นปิโตรเคมีราคาสเปรดขึ้นตามน้ำมัน รวมไปถึงหุ้นโรงกลั่น ที่ได้ผลดีจากส่วนต่างน้ำมันอากาศยาน, ดีเซล, น้ำมันเตา, และเบนซินเป็นแนวโน้มขาขึ้น จากธุรกิจการบินฟื้นตัวจากกิจกรรมการบินที่เพิ่มขึ้น
บล.กรุงศรี มองว่าความต้องการน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวจากกิจกรรมการบินที่เพิ่มขึ้น ใน ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็น 7 ล้านบาร์เรล โดยประมาณการว่า ค่าการกลั่นตลาดของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP จะเพิ่มเป็น 3.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 4 ปี 2564 และ บริษัท สตาร์ ปิโครเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เป็น 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ให้น้ำหนักกลุ่ม มากกว่าตลาด มีหุ้น TOP และ SPRC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่น