หุ้นไทย เปิดตลาดเช้านี้บวก 3.45 จุด รับแรงหนุนกลุ่มพลังงาน

ความเคลื่อนไหวของตลาด "หุ้นไทย" เปิดภาคเช้าวันนี้  (6 ต.ค.2564) ดัชนีปรับขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,52769 จุด เพิ่มขึ้น 3.45จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.21% (ณ 10.00 น.)  มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น  8,258.17 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่อง จากการหมุนตัวเก็งกำไรในกลุ่มพลังงานยังส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์  บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ส่งผลบวกต่อเนื่องจากถ่านหินไปจนล่าสุดถึงกลุ่มโรงกลั่น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกสูงขึ้น (ที่สำคัญโลกพึ่งพิงไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ลดลง) ยุโรปและญี่ปุ่น มีการนำถ่านหินไปใช้ผลิตไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อดึงค่าไฟรวมลง แต่ด้วยความต้องการที่อยู่ในระดับสูงขณะที่สต็อคถ่านหินทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ราคาถ่านหินปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นบวกต่อเนื่องต่อหุ้นถ่านหิน

ขณะที่สถานการณ์ล่าสุดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและน้ำมันเตาเริ่มใกล้เคียงกัน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ค่าการกลั่นโดยรวมอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุด ซาอุดิอาระเบียประกาศปรับลดราคาส่งออกน้ำมันมายังเอเซียเหลือ 1.30 เหรียญ (ลดลง 0.40 เหรียญ) ต่ำสุดรอบ 7 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของกลุ่มโรงกลั่น

ทั้งนี้ การกลับมายืนเหนือ 1,620 จุด ทำให้ภาพโครงสร้างตลาดกลับมาอยู่ในลักษณะแกว่งตัวเชิงบวก (จากเดิมแกว่งลง)ยกลุ่มพลังงานเริ่มผ่านแนวต้านสำคัญ ทำให้ ดัชนีหุ้นไทยกลับมาคาดหวังเชิงบวกได้มากขึ้น  ในวันนี้มองกรอบแนวรับ  1,605-1,620 จุด และแนวต้าน  1,630-1,635 จุด

ปัจจัยติดตามที่สำคัญในระยะสั้น 1) การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/64 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ภายใน 20 ต.ค. ซึ่งภาพรวมของทั้งกลุ่มกำไรยังเติบโต YoY แต่จะชะลอตัวลง QoQ 2) การผ่านร่างกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ภายใน 18 ต.ค. ซึ่งรมว.คลังสหรัฐฯ ย้ำถึงความเสี่ยงที่อาจก่อเศรษฐกิจถดถอยหากสามารถขยายเพดานหนี้ได้ทัน 3) รายงานเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับต.ค. ที่ IMF มีกำหนดการเปิดเผยรายงาน 12 ต.ค. ซึ่งมีแนวโน้มจะเห็นการปรับประมาณการเศรษฐกิจโลก (GDP) ลง 4) สถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่มีสัญญาณเลือกตั้งใหม่ หรืออาจมีการยุบสภา ภายใน 17 ต.ค.

กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ครม. เห็นชอบให้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ จำนวน 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง มีพื้นที่รวม 519 ไร่ และเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรมรูปแบบนิคมอุตสาหกรรม จำนวน 5 แห่ง โรจนะแหลมฉบัง (698 ไร่), โรจนะหนองใหญ่ (1,501 ไร่), เอเชียคลีน (978 ไร่), เอ็กโกระยอง (421 ไร่), ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท (1,498 ไร่) เป็นบวกกับ ROJNA, WHA, WHAUP, EASTW