“เอ็กโก กรุ๊ป" ลงทุนต่อเนื่อง ทุ่ม 1.5 แสนล้าน หนุนเติบโตยั่งยืน
“เอ็กโก กรุ๊ป” ปลื้ม ได้รับเครดิตองค์กร “AA+/Stable” จากทริสเรทติ้ง ตอกย้ำธุรกิจมั่นคง เดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานต่อเนื่อง อัดงบลงทุน 5ปี ไว้กว่า 1.5 แสนล้าน สร้างการเติบโตและยั่งยืนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทริสเรทติ้ง สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำในประเทศไทย ได้ประกาศผลการจัดอันดับเครดิตองค์กรของเอ็กโก กรุ๊ป ที่ระดับ “AA+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่ (Stable)” เนื่องจากบริษัทมีสถานะเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม มีการลงทุนที่มีความหลากหลายทั้งในด้านของประเภทการผลิต ชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าทั้ง conventional และพลังงานหมุนเวียน และทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว รวมถึงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลางของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์โลกมีความท้าทายและผันผวน รวมไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยทิศทางการลงทุนที่มุ่งต่อยอดธุรกิจไฟฟ้า โดยเฉพาะการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด ในขณะเดียวกัน ได้เร่งขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค และธุรกิจ Smart Energy Solution เพื่อสร้างสมดุลในพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมพลังงาน นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ซึ่งคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 30 ปี เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
สำหรับทิศทางการลงทุนต่อจากนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง และการนำเข้าแอลเอ็นจีตามที่ได้รับใบอนุญาตจาก กกพ. รวมทั้งธุรกิจ Smart Energy Solution เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ การลงทุนในบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม กฟผ. เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S-Curve โดยเอ็กโก กรุ๊ป จะเน้นการต่อยอดทางธุรกิจของเทคโนโลยีด้านไมโครกริด ด้านระบบกักเก็บพลังงาน และด้านยานยนต์ไฟฟ้า
ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป ได้เตรียมงบลงทุนไว้กว่า 150,000 ล้านบาท สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนา รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ภายในระยะเวลา 5 ปี และหากมองระยะสั้นภายในปี 2564 คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอได้ถึง 1,000 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน สหรัฐอเมริกา และโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัทและสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย สำหรับปี 2563 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,738 ล้านบาท และคาดว่า ปี2564 จะมีกำไรจากการดำเนินงานมากกว่าปี 2563 โดยมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการใหม่
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,016 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 29 แห่ง คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 5,695 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 321 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนสูงถึง 1,364 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา