เอกชนดึงดิจิทัลเสริมทัพลงทุนหลังโควิด
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจจัดงานสัมมนา “หุ้นปลอดภัย ฝ่าภัยโควิด” โดยในช่วงเสวนา “หุ้น Big Cap เย้ายวนใจหรือไร้เสน่ห์” ได้รับเกียรติจากซีอีโอชั้นแนวหน้าของประเทศ มาเปิดแผนธุรกิจ รวมทั้งแผนการลงทุนในยุคหลังโควิด
โดย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า แนวทางการลงทุนของกลุ่มบริษัทต้องหาจุดสมดุลระหว่างผลตอบแทนที่จะได้รับ พิจารณษควบคู่กับฐานะการเงินของบริษัท ซึ่งนอกจากรายได้ที่จะเติบโตทุกปีแล้ว ยังต้องสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ทุกปีเช่นกัน
โดยธุรกิจพลังงานยังเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ปัจจุบัน กัลฟ์มีโรงไฟฟ้า 23 โรง ส่วนการลงทุนตอนนี้ เน้นลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดรับกับเทรนด์ของโลก ส่วนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอยู่ระหว่างการก่อสร้างท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจที่ใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้า และเมื่อกัลฟ์สามารถนำเข้าก๊าซ LNG ได้เอง จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนที่บริษัทเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของเอไอเอสและไทยคมนั้น เป็นการมองไปยังธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการเติบโตของรายได้อย่างมาก
ด้านนายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า แบ่งสัดส่วนธุรกิจออกเป็น 3 แกนหลัก ได้แก่
1.ธุรกิจโมบายล์ ปัจจุบันมี 5จี เป็นพระเอกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ มองว่าโครงข่าย 5จี ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล จะเป็นการสร้างโอกาสมหาศาลให้กับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยประเมินว่าในปี 2025 มูลค่าตลาด 5จี เมืองไทยจะเติบโตสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์
2.กลุ่มธุรกิจไฟเบอร์ และเอ็นเตอร์ไพร์สบิซิเนส เป็นตลาดที่มีศักยภาพ เติบโตตามการใช้งานอินเทอร์เน็ต และแกนที่
3.ธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส จะเข้ามาช่วยต่อยอดฐานลูกค้าของเอไอเอสที่มีอยู่มากกว่า 42 ล้านราย โดยการเข้าไปร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ไมโครซอฟท์ หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จะทำให้มีบริการที่ครบวงจรมากขึ้น และสร้างการเติบโตไปพร้อมๆ กันกับพาร์ทเนอร์
ส่วน จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ในปี 2565 กลุ่มดับบลิวเอชเอมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของพลังงาน ระบบออโตเมชั่น โดยจะมีการทำแซนด์บ็อกขึ้นมาในนิคมอุตสาหกรรม รวบรวมหลายๆ เทคโนโลยีมาเข้ามาไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะ Digital Health Tech