โจทย์ใหญ่ของ Facebook หลังผู้ใช้เริ่มลดลง Metaverse อาจเป็นคำตอบ
Facebook กำลังเผชิญกับปัญหาผู้ใช้งานวัยรุ่นลดลงเรื่อยๆ บริษัทจึงพยายามหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน การเข้าพัฒนา Metaverse จึงอาจเป็นคำตอบและสร้างรายได้อย่างมหาศาลในอนาคตข้างหน้า
1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่ม FAANG ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมี Netflix ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ +12.5% จากภาพยนต์เกาหลียอดนิยม รองลงมาคือ Google +8.6%, Apple +6.8% และ Amazon +4.4% มีเพียง Facebook ที่ราคาหุ้นปรับลด -6.7% แม้ผลการดำเนินงานล่าสุดรายได้ยังเติบโตดี แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะเริ่มมีความกังวลมากขึ้น โดยเฉพาะภายหลังการออกมาเปิดเผยข้อมูลของอดีตพนักงาน Facebook กรณีปล่อย Hate Speech ว่า Facebook ให้ความสำคัญกับรายได้มากเกินไป และรายงานจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลง โดยประเด็นผู้ใช้กลุ่มวัยรุ่นที่ลดลงจากรายงานที่ถูกเผยแพร่สรุปดังนี้
ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Facebook ได้มีการจัดทำรายงานภายในบริษัท และได้ถูกนำมาเผยแพร่โดยอดีตพนักงานในบริษัท Frances Haugen โดยในรายงานมีเนื้อหาว่าวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นใช้ Facebook น้อยลงเรื่อยๆ โดยวัยรุ่นในอเมริกาใช้เวลาเล่น Facebook ลดลง 16% หากเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนวัยรุ่นที่สมัครเข้าใช้งานใหม่ก็ปรับตัวลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน โดยวัยรุ่นที่เกิดหลังปี ค.ศ 2000 มีแนวโน้มสมัครเข้าใช้ Facebook ตอนอายุมากขึ้น หรือประมาณอายุ 24-25 ปี ซึ่งช้ากว่าในอดีต ที่วัยรุ่นส่วนมากมักจะเริ่มสมัคร Facebook กันตอนอายุ 19-20 ปี นอกจากนี้วัยรุ่นที่มีการสมัครเข้าใช้งานใหม่มักจะเป็นผู้ใช้งานรายเดิมที่มีการสมัครซ้ำเข้ามา โดยจากรายงานในปี 2017 พบว่า 15% ของวัยรุ่นที่สมัครใช้งานใหม่จะมีบัญชี Facebook อยู่แล้ว
วัยรุ่นใช้เวลาในการเล่น Facebook และโพสต์ข้อความลดลง หากเทียบกับผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป
ทำไมคนใช้ Facebook น้อยลง
สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนโดยเฉพาะวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นใช้ Facebook น้อยลงมาจากที่คนเหล่านี้หันไปใช้ Social Media อื่นๆ แทน อย่างเช่น Snapchat หรือ Tiktok นอกจากนี้จากการวิจัยพบว่า Facebook ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสำหรับเพียงติดตามข่าวสาร หรือเพื่อใช้สำหรับการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ซึ่งอาจไม่ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่น
ผลกระทบหากคนใช้ Facebook ลดลง
Facebook มีรายได้หลักจากการโฆษณา ซึ่งหากมีผู้ใช้งาน Facebook มาก กลุ่มเป้าหมายสำหรับการโฆษณาก็จะสูงตาม ทำให้มีโอกาสที่จะมีคนเห็นโฆษณาเพิ่มขึ้น ดึงดูดบริษัทต่างๆ ให้มาโฆษณา และจะทำให้ Facebook มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้งานต่อเดือนอยู่ที่ราว 3 พันล้านราย และในช่วงที่ผ่านมา Facebook มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ Facebook มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแต่ละไตรมาส
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากจำนวนผู้ใช้งานหรือระยะเวลาในการเล่น Facebook ลดลง ก็มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้โฆษณาของ Facebook
Facebook มีกลยุทธ์ในการแก้ไขอย่างไร
ออกผลิตภัณฑ์ และ Features ใหม่ๆ รวมถึงเข้าซื้อ Instagram
จากข้อมูลที่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นใช้ Facebook น้อยลง ทำให้ทาง Facebook ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานสำหรับดูแลออกผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่มวันรุ่นโดยเฉพาะ และได้มีการออกผลิตภัณฑ์ และ Features ต่างๆ เพื่อดึงดูดวัยรุ่น เช่น Lifestage ซึ่งเป็น Video app สำหรับวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 21 ปี หรือ Messenger Kids ที่เป็น App พูดคุยสำหรับเด็ก อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา Facebook ได้เข้าซื้อ Instragram เพื่อที่จะให้วัยรุ่นที่ใช้ Instragram สมัครเข้าใช้ Facebook ในอนาคต
ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นมากกว่าบริษัท Social Media
ล่าสุด Facebook ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta และเตรียมปรับธุรกิจให้เป็นมากกว่าบริษัท Social Media โดยจะสร้าง Metaverse หรือโลกเสมือนจริง ที่ผู้คนสามารถไปใช้ชีวิตในโลกเสมือนได้โดยใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ขณะที่ร่างกายยังอยู่ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การดูคอนเสิร์ต หรือการลองเสื้อผ้า
นอกจากนี้ Facebook ยังประกาศได้ทุ่มเงินลงทุนราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse โดย Mark Zuckerberg ได้คาดว่า ในอีก 10 ปี ข้างหน้า จะมีผู้ใช้งาน Metaverse 1 พันล้านราย และจะสามารถสร้างรายได้มหาศาล โดยในช่วงก่อนหน้า Facebook ได้มีการเข้าซื้อบริษัทผลิตแว่นตา VR อย่างบริษัท Oculus ตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Facebook ได้ให้ความสำคัญและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse มานานแล้ว
จะเห็นได้ว่าถึงแม้ Facebook จะเผชิญกับปัญหาผู้ใช้งานวัยรุ่นลดลง แต่บริษัทก็พยายามหากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานวัยรุ่นให้กลับมาใช้ Facebook มากขึ้น
นอกจากนี้ Facebook ยังพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ โดย Facebook มีการเข้าพัฒนา Metaverse ที่คาดว่าจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับ Facebook ในอนาคตข้างหน้า
ที่มา: Bloomberg, CNBC
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมา และพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว