กรอ.เร่งมาตรการเปลี่ยนสารทำความเย็น หนุนยุทธศาสตร์ลดก๊าซเรือนกระจก
กรอ. เร่งขับเคลื่อนมาตรการปรับเปลี่ยนสารทำความเย็น รองรับพันธกรณีของพิธีสารมอนทรีออลเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย
นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวภายหลังการประชุมจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) ปี พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ว่า ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องสิ่งแวดล้อมและชั้นบรรยากาศโอโซน โดยมีการส่งเสริมการใช้สารเคมีทางอุตสาหกรรมที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือสาร HCFCs เป็นสารที่ถูกควบคุมภายใต้พิธีสารมอนทรีออลว่าด้วยการลดและเลิกการใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ซึ่งประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 และมีพันธกรณีในการลดและเลิกใช้สารดังกล่าว โดยกำหนดเป้าหมายให้เริ่มควบคุมปริมาณการใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 และให้ลดปริมาณการใช้ลงตามลำดับโดยจะต้องควบคุมปริมาณการใช้สาร HCFCs ให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ.2583
ทั้งนี้ การจัดสรรสิทธิปริมาณการนำเข้าสาร HCFCs สำหรับ ปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ไม่เกิน 390 โอดีพีตัน จะทำให้ปริมาณการนำเข้าและการใช้สาร HCFCs ของประเทศไทยลดลงจากปี พ.ศ. 2556 ประมาณ 8,450 เมตริกตันหรือ 588 โอดีพีตัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์โดยในส่วนนี้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม จะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้สารทดแทนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและชั้นบรรยากาศโอโซน ผ่านโครงการลดและเลิกใช้สาร HCFCs
ซึ่งขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 2 โดยได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากกองทุนพหุภาคีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล เพื่อดำเนินการลดและเลิกใช้สาร HCFCs ในปีพ.ศ. 2563 - 2566 ซึ่งเป็นมาตรการมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินและเทคนิควิชาการแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟมแบบฉีดพ่น (สเปรย์โฟม) รวมถึงภาคอุตสาหกรรมผลิตตู้เย็น และตู้แช่เชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ โครงการจะมีการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์และจัดฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ช่างติดตั้งและซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศภายใต้สังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพื่อยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
นายวันชัย กล่าวต่อว่านอกเหนือจากการลดการใช้สาร HCFCs ตามพันธกรณีของพิธีสารมอนทรีออล เพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซนแล้ว มาตรการทดแทนและปรับเปลี่ยนสารทำความเย็นเป็นมาตรการที่สำคัญภายใต้แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2573 สาขากระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์รวมถึงน้ำเสียอุตสาหกรรม ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามพันธกรณีความตกลงปารีส โดยมาตรการดังกล่าวมีความสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG Model ของรัฐบาล
รวมทั้งเป็นมาตรการหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทยและเป็นส่วนหนึ่งที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะมีการหยิบยกและนำเสนอในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ภายใต้การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์สหราชอาณาจักรในวันที่ 1 - 2 พฤศจิกายน 2564 นี้ด้วย