เอสซีบีเอกซ์ ‘เทคคอมพานีโลก’ ซื้อ‘บิทคับลุยสนามใหม่-ปลุกตลาดคริปโทฯคึก
บล.ไทยพาณิชย์ ยันดีลซื้อ“บิทคับ” สร้างความได้เปรียบในสนามใหม่ สมาคมคริปโตฯ ชี้ ปลุกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยคึกคัก จับตานวัตกรรมลงทุนใหม่แบบผสมผสาน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ชี้ ปี 65 แบงก์ไทยพาณิชย์ จ่อรับรู้กำไรบิทคับ 3% แนะนักลงทุนไม่ไล่ซื้อเหตุ หุ้นรับข่าวดีไปแล้ว
“กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” ประกาศเข้าลงทุนใน “บิทคับ ออนไลน์” ด้วยการเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ที่สำคัญ ดีลนี้ยังส่งผลให้ Bitkub ก้าวขึ้นสู่สถานะ “ยูนิคอร์น” บริษัทที่ 2 ของไทย ด้วยมูลค่าบริษัท 35,000 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS ได้ส่งข้อความถึงพนักงานทุกคนเพื่อแจ้งถึงการทำดีลดังกล่าว ระบุว่า การลงทุนใน บิทคับ ออนไลน์ ครั้งนี้นับเป็นการลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยานแม่ SCBX ในการยกระดับสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภค สามารถแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกได้อย่างทัดเทียม และสามารถเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“หนึ่งในสามธุรกิจหลักของบล.ไทยพาณิชย์ คือการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือของภูมิภาคอาเซียน ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนในประเภทของสินทรัพย์ที่หลากหลาย”
จ่อผุดโมเดลธุรกิจไตรมาส1/65
นายอรรถกฤต ชิมผลาพิบูลย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ บิทคับออนไลน์ เปิดเผยว่า สำหรับแผนดำเนินงานหลังจากนี้ เพื่อไปสู่ระดับโลก ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะ อยู่ระหว่างทำแผนกับบล.ไทยพาณิชย์ ก่อน และต้องรอทำดีลเสร็จ แต่ยืนยันว่า ไม่ทิ้งธุรกิจนี้แน่นอน ซึ่งนักลงทุนจะได้เห็นพัฒนาการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลด้านต่างๆผ่านโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่ร่วมกับทางบล.ไทยพาณิชย์ช่วงไตรมาส1ปี 2565 ในเบื้องต้นบล.ไทยพาณิชย์ เข้ามาลงทุนในบิทคับออนไลน์ เท่านั้น
ตอนนี้ทาง บล.ไทยพาณิชย์ ยังคงให้ความเชื่อมั่นในฝั่งผู้บริหารของบิทคับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหาร และให้โอกาสผู้บริหารบิทคับเต็มที่ในการดำเนินธุรกิจตามโรดแมพและเป้าหมายเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้
ส่วนโครงสร้างการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมใน“บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” จะลดลงตามราวครึ่งหนึ่งตามสัดส่วนการเข้ามาซื้อหุ้นของบล.ไทยพาณิชย์
โดยส่วนตัวถืออยู่สัดส่วน 5% จะลดลงมาอยู่ที่2.5% และในส่วนของนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารนั้นถืออยู่ราว20%กว่า จะลดลงมาอยู่ที่10% กว่าซึ่งเป็นการลดลงตามสัดส่วนการเข้ามาถือหุ้นของ บลไทยพาณิชย์
“ดีลนี้เราได้มีการพูดคุยกันมาในปีนี้มาระยะหนึ่งแล้ว การที่เราตัดสินใจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ เนื่องจาก SCBX เป็นเพียงรายเดียวที่โดดลงมาทำเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นบริษัทคนไทยและมีเป้าหมายเดียวกันกับเรา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวและวางรากฐานในการเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตต่อไป”
สมาคมคริปโตฯ ชี้ สินทรัพย์ดิจิทัลไทยโต
นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า หลังจากดีล บล.ไทยพาณิชย์ ถือหุ้น บิทคับ ซึ่งเป็นดีลใหญ่ของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เชื่อว่าในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีการเปลี่ยนไป น่าจะเห็นนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเทรดดิชั่นนอลไฟแนนซ์กับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
ทั้งนี้จะทำให้นักลงทุนที่อยากลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล จากตอนนี้ยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลหรือการลงทุนรูปแบบอื่นๆที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าไปผสมอยู่ในพอร์ตลงทุน เช่น กองทุน โดยผ่านคำแนะนำการลงทุนของโบรกเกอร์ ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้จะเห็นว่า หลายโบรกเกอร์ ได้เข้ามาแล้วในรูปแบบพันธมิตรทางธุรกิจ
ส่วนการออกไปแข่งขันในระดับโลก มองว่า สำหรับโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยพัฒนาการเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้การออกไปแข่งขันในระดับโลกเป็นเรื่องที่ง่าย แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การกำกับดูแลมากกว่า ดังนั้นหากบิทคับทำได้ก็จะเป็นการสร้างามาตรฐานให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
สำหรับหลังจากนี้ น่าจะยังเห็นอีกหลายดีลตามมาได้ เพราะตอนนี้ยังมีธุรกิจฟินเทคทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล มีคุณภาพดีๆ อีกหลายแห่ง ที่มีโอกาสขยายธุรกิจ ทั้งการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ ระดมทุนหรือการควบรวมกิจการ (M&A) กับบริษัทต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ในอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
โบรกชี้ 6 ข้อดีต่อ SCB
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดีลนี้ที่น่าสนใจมาก เมื่อพิจารณาจาก Valuation ที่ PER ประมาณ 18 เท่า และ P/S ที่ประมาณ 8 เท่า (อิงจากรายได้ และกำไร 9 เดือนของบิทคับ ที่ 3,279 ล้านบาท และ 1,533 ล้านบาท) ขณะที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 92%
ทั้งนี้ มองสาเหตุที่กลุ่มไทยพาณิชย์ ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นบิทคับจะส่งผลดี เนื่องจาก1.Bitkub เป็นผู้เล่นรายใหญ่ของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ที่มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้ หากมีการกำกับดูแลที่ดีที่ทำให้ผู้ลงทุนแพลตฟอร์มต่างประเทศเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มในประเทศ
2.ความสามารถในการทำกำไรที่สูง แม้ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 6.5% ของปริมาณการซื้อขายหุ้นไทย (มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่รายงานต่อสำนักงานก.ล.ต. ประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท เทียบกับปริมาณซื้อขายหุ้นไทยที่ 16.43 ล้านล้านบาท) แต่กำไรของ Bitkup สูงกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้กัน และใกล้เคียงบริษัทหลักทรัพย์อันดับ 1-2 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1-2 (รวมกำไรธุรกิจวาณิชธนกิจ) แต่ถ้ามองเฉพาะกำไรจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ผลการดำเนินงานของ Bitkub จะสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ยันราคาซื้อ‘บิทคับ’ไม่แพง
3. ราคาซื้อขายไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโต รวมถึงโอกาสในการซื้อขายสินทรัพย์และธุรกรรมดิจิทัลใหม่ๆ 4.ฐานลูกค้าของ Bitkub มีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าฐานลูกค้ารวมของธนาคารไทยพาณิชย์ทำให้ไม่ซ้อนทับกับฐานลูกค้าปัจจุบัน
5. ฐานลูกค้าของ Bitkub มีความสามารถในการพึ่งพาตัวเองสูง และต้องการการดูแลต่ำ หรือมีโมเดลธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม ซึ่งขยายตัวได้เร็ว และมีต้นทุนส่วนเพิ่มน้อย ขณะที่การขายสินทรัพย์ทางการเงินในปัจจุบันต้องผ่านผู้ดูแลความสัมพันธ์ (RM) หรือที่ปรึกษาการลงทุน (IC) ที่มีต้นทุนสูงกว่า และการเพิ่มขนาดธุรกิจ (scale up) ทำได้ยากและช้ากว่า และ 6.การรุกเข้าสู่ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีที่มีโอกาสเป็นคู่แข่งกับธนาคารและสถาบันการเงินในอนาคต จะทำให้ลดความเสี่ยงที่ธนาคารจะถูกดิสรัปลดลง
"สำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่อยากเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ มองว่าอาจต้องใช้โมเดลธุรกิจอื่นๆ เช่น การลงทุนทำเอง พราะตอนนี้แทบจะไม่มีตัวเลือกในตลาดนี้แล้ว ส่วนแนวโน้มธนาคารขนาดใหญ่มีแนวโน้มซื้อขาย PBV ที่สูงขึ้น แนวโน้มการดึงธุรกรรมที่เคยกังวลว่าจะหลุดจากระบบของธนาคารผ่านเทคโนโลยีแบบ กระจายจากศูนย์กลาง (decentralize) กลับเข้ามาอยู่ในระบบนิเวศน์ของธนาคาร (re-centralize) จะช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจในอนาคต และเป็นบวกต่อ พรีเมียมการซื้อขายของหุ้นธนาคาร ซึ่งทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการปรับตัวจะซื้อขายในระดับที่มีส่วนลด (discounted) น้อยลง ขณะที่ธนาคารขนาดเล็กที่ไม่มีศักยภาพที่จะปรับตัวหรือแข่งขัน จะเผชิญความยากลำบากในการแข่งขันสูงขึ้น”
ปีหน้าหนุนกำไรแบงก์ไทยพาณิชย์ 3%
นายกิจพณ ประเมินว่า บิทคับจะมีกำไรปีนี้ ระดับ 2,000 ล้านบาท และ เพิ่มเป็น 3,000-4,000 ล้านบาท ในปีหน้า ในส่วนนี้แบ่งกำไรกลับมาที่ บล.ไทยพาณิชย์ ราว 1,500-2,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 3% ของธนาคารไทยพาณิชย์ และดีลนี้ทำให้ลดความเสี่ยงที่ธนาคารจะถูกดิสรับลดลงน่าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ ในระยะข้างหน้า
สำหรับราคาหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ปรับขึ้นมารับข่าวดีไปมากแล้ว และดีลนี้จบต้นปีหน้า ไม่มีผลต่อกำไรของธนาคารไทยพาณิชย์ ในปีนี้ ดังนั้นเรายังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าไปไล่ซื้อ แต่สามารถหาจังหวะราคาปรับตัวลงทยอยเข้าสะสมได้ ในปีนี้ยังคงราคาเหมาะสม ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ 133 บาท สอดคล้องกับตลาดให้ไว้ที่ 130-140 บาท
ขณะเดียวกันการเข้าเป็นพันธมิตรของธนาคารไทยพาณิชย์ -Bitkub คาดระยะสั้นจะทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรหุ้นที่มีธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ไม่ว่าจะเป็น BROOK (ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล), JTS (ทำเหมืองขุดเหรียญดิจิทัล) และอาจรวมถึงกลุ่มไอที อย่างไรก็ตามควรระวังผลประกอบการไตรมาส 3/64 อาจกระทบจากการส่งมอบงานไม่ได้เพราะติดสถานการณ์โควิด ดังนั้น นักลงทุนต้องศึกษาเรื่องที่มาของรายได้และความเสี่ยง ของแต่ละธุรกิจให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน
ได้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม
ด้านบล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุ ประเมินดีลนี้เป็นบวกต่อไทยพาณิชย์ และจะเป็นตัวเร่งให้SCBX (SCB หลังปรับโครงสร้าง) เข้าถึงฐาน ลูกค้าในกลุ่ม Digital Asset Investor ได้เร็วขึ้น ผ่านกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ของ Bitkub ที่คาดมีจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะทำความเข้าใจและลงทุนกับ ผลิตภัณฑ์Digital Asset ใหม่ๆ มากกว่านักลงทุนทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้ SCBX สามารถนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาใน Platform ของ BITKUB ได้ในอนาคต ตามแผนขยายธุรกิจในกลุ่ม Fintechเช่น Defi, NFT, Token หรือการเป็น ICO Portal อีกทั้งมีโอกาสสร้าง Synergy บนฐาน ลูกค้าตลาดทุนเดิมของ SCBS ซึ่งมีลูกค้านักลงทุนกลุ่ม Digital User ที่ลงทุนผ่าน Application “Easy Invest” ราว 5 แสนราย ที่อาจจะเริ่มต้นสนใจหรือมาใช้ Platform ซื้อขาย Digital Asset ของ BITKUB มากขึ้น (เป็นทางเลือกหลักในการเข้าสู่ตลาด Digital Asset)
นอกจากนี้ SCBX ยัง มีธุรกิจในกลุ่ม Tech Support เช่น SCB10X, TECHX และ DATAX ที่จะเข้ามาช่วยเสริมระบบ การดำเนินงานให้Platform ของ BITKUB มีเสถียรภาพในการให้บริการมากขึ้น เพื่อรองรับฐาน ลูกค้าที่จะทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งการที่แบงก์ใหญ่อย่าง SCB ซึ่งมีความพร้อมทั้งทีมงาน และเงินทุน เข้ามาร่วมลงทุนในบริษัทที่เป็ นผู้น าของตลาด Digital Asset Exchange อย่าง BITKUB คาดจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น และทำให้มีโอกาสที่จะเห็นการขยับขึ้น ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อบัญชีให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังคงแนะนำซื้อธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 154 บาท
ซิปแมกซ์ เชื่อแบงก์ต่างชาติสนใจซื้อกิจการ
นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า บริษัทายังเปิดโอกาสขยายธุรกิจในรูปแบบ M&A กับแบงก์ต่างชาติ เพราะตอนนี้เราทำตลาดในหลายประเทศอยู่แล้ว ปัจจุบันมีแบงก์ต่างชาติ สนใจแต่เป็นการพูดคุยเท่านั้น โดยบริษัทต้องประเมินโอกาสทางธุรกิจในอนาคตก่อน
ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นการระดมทุนและสร้างความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรเพื่อนำพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเป็นหลัก อย่างล่าสุด บริษัทได้รับเงินระดมทุนกับกรุงศรีฟินโนเวท และจะเห็นการเชื่อมโยงเรากับลูกค้ากรุงศรีในช่วงไตรมาส4ปีนี้อย่างชัดเจนเพื่อให้ลูกค้ากรุงศรีสามารถเปิดบัญชีลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่าย สะดวก และยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากดอกเบี้ยของธนาคารด้วย