ไทยแอร์เอเชีย กระทุ้งรัฐตั้งกองทุนหมื่นล้าน เร่งติดเครื่องยนต์ท่องเที่ยว

ไทยแอร์เอเชีย กระทุ้งรัฐตั้งกองทุนหมื่นล้าน  เร่งติดเครื่องยนต์ท่องเที่ยว

เกือบ 2 ปีที่ธุรกิจสายการบินต้องเผชิญความยากลำบากอย่างสาหัสจาก "สึนามิ โควิด" การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก ภายใต้มาตรการ “ล็อกดาวน์-ปิดเมือง” ผู้ประกอบการต้องหยุดดำเนินกิจการเป็นการชั่วคราว! งดให้บริการทุกเส้นทางการบิน ทุบรายได้เป็น “ศูนย์”

หนึ่งในนั้นคือ “ไทยแอร์เอเชีย” แม้ห้วงเวลานี้ “ไทย” จะประกาศปลดล็อกดาวน์ และเดินหน้า “เปิดประเทศ”  ได้ตามเป้าหมายแรกเมื่อ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้สายการบินทยอยกลับมาเปิดเส้นทางบินอีกครั้ง แต่แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและฟื้นฟูประเทศไทยดีดตัวกลับมาโดยเร็วยังเป็นโจทย์ใหญ่!

ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย และบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  AAV ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเปิดประเทศของไทยขณะนี้เป็นสัญญาณบวกที่พอจะมองเห็นแบบรางๆ สำหรับสถานการณ์ในประเทศเท่านั้น การเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เสมือนซอฟท์โอเพนนิ่ง  แกรนด์โอเพนนิ่งจริงๆ จะเป็นวันที่ 1 ธ.ค.  และมองเห็นภาพต่างๆ มากขึ้น หลัง 15 ธ.ค.หรือ 1 ม.ค.จะเห็นชัดเจนว่าเราจะไปต่อกันอย่างไร 

"หากมองสภาพการณ์ ณ เวลานี้ ยังไม่มีสัญญาณบวกอะไรสำหรับเราเลย เห็นก็แค่รางๆ  สำหรับตลาดในประเทศ เข้ามาแล้วต่อไปจังหวัดอื่นบ้างแต่ไม่ชัด ต้องรอ 1 ม.ค.น่าจะเห็นชัดเลยว่าจะยังไง"

ถามว่า ปีหน้า ไทยแอร์เอเชีย จะฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน? 

ธรรศพลฐ์  ยอมรับว่า ยังมองไม่ออกว่าในภูมิภาคเอเชียนั้นจะทำการบินได้ประเทศไหนบ้าง อาจจะกลับมาเป็นเรื่องเป็นราวคาดว่าช่วงกลางปี 2565 ขึ้นอยู่กับว่าเดือนม.ค. เส้นทางญี่ปุ่น เกาหลี สามารถเปิดทำการบินได้หรือไม่  รวมทั้ง  สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า ขณะที่ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์  ประเมินว่ายังจะไม่ได้บินอีกนาน! พิจารณาแนวโน้มเบื้องต้นน่าจะเริ่มเปิดเส้นทางฮ่องกง สิงคโปร์ ก่อน ตามด้วยมาเลเซีย 

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการบินมีตัวแปรสำคัญ นั่นคือ นักท่องเที่ยวจีน เมื่อเดินทางไม่ได้จึงกระทบทั้งโลก! ดังนั้น ทุกคนต่างจับตามองนโยบายของรัฐบาลจีนจะเปิดให้ชาวจีนออกเดินทางนอกประเทศได้เมื่อไร อย่างไร เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนที่ต้านไวรัสเดลตาได้ ในเชิงนโยบายจีนต้องการผลิตวัคซีนของตัวเองมากกว่าที่จะซื้อไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา นอกจากนี้กว่าจะเร่งฉีดวัคซีนให้ประชากรกว่าพันล้านคนต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แม้จะมีขีดความสามารถฉีดได้เร็ววันละ 10 ล้านคนก็ตาม 

“การขยับตัวของจีนที่จะเริ่มเดินทางระหว่างประเทศได้ น่าจะเห็นราวไตรมาส 2 ปี 2565  ระหว่างนี้ ไทยแอร์เอเชีย เองก็ต้องทำตัวให้เล็ก ค่อยๆ โต ตอนนี้ก็เล็กสุดๆ แล้ว เสมือนตั้งสายการบินใหม่เลยทีเดียว”

อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอปัจจัยบวก “ทัวริสต์จีน” ที่จะเป็นอีกกลไกในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและทั่วโลกนั้น ไทยต้องเร่งวางยุทธศาสตร์กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการจัดตั้ง “กองทุนหมื่นล้าน” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว “หากท่องเที่ยวดี” จะส่งผลต่อเนื่องเป็นลูกโซ่กิจการหลายแขนง

"เราต้องใช้จังหวะนี้โหมโปรโมทท่องเที่ยวไทย จัดงาน จัดกิจกรรมทุกจังหวัด จัดแสง สี เสียง ชวนคนเข้ามาเที่ยวทุกเดือนมีกิจกรรมในทุกๆ จังหวัด ไม่ใช่อยู่แค่ ภูเก็ต เชียงใหม่ เรายังมีงานประเพณี วัฒนธรรมมากมาย แห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ผีตาโขนจังหวัดเลย บั้งไฟยโสธร อย่างงานแห่รถบุปผชาติ เชียงใหม่ ยังมีผู้คนมาดูจำนวนมาก หากเราโปรโหมทำไมจะไม่มีใครมา" 

ที่ผ่านมา ไทยเน้นทำตลาดกระจุกอยู่เฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย กระบี่ พัทยา หัวหิน  การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเหมาะสมอย่างมาก ในเวลานี้เพื่อนำมาช่วยโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ สร้างทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้น 

ธรรศพลฐ์ ย้ำว่า ไทยขาดยุทธศาสตร์หลักที่ชัดเจน! และไม่มีดรีมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนในรัฐบาล จะสร้างดรีมทีมคนนอกก็ได้  ยิ่งในห้วงของการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด หากบอกว่าประเทศไทยมี 3 อุตสาหกรรมหลัก “ส่งออก-ท่องเที่ยว-เกษตร” ก็ต้องวางโฟกัส! 3 อุตสาหกรรมหลักนั้น ก่อนหรือไม่ เร่งเยียวยา จะเรียกว่า เอาเงินมาอุ้มก็ได้!  เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจให้ผงกหัวก่อนแล้วค่อยกลับมาอุ้มส่วนที่ล้มหายตายจากให้มีโอกาสฟื้นชีพได้ แต่ที่เห็นขณะนี้คือ ไม่มียุทธศาสตร์ และไม่อุ้มใครเลย! 

“พูดกับข้างฝายังมีเสียงสะท้อนกลับ แต่พูดกับรัฐบาลเหมือนพูดในอากาศ เสียงหายไปเลย เชื่อว่าหากติดขัดตรงไหน เอกชนทุกภาคส่วน พร้อมสนับสนุน ไม่ว่าจะผู้ประกอบการโรงแรม สายการบิน ซึ่งรัฐ และเอกชนจะต้องหารือ ประสานความร่วมมือ และเดินหน้าอย่างจริงจัง" 

สำหรับ ไทยแอร์เอเชีย แผนงานต่างๆ นั้น หากเดือนม.ค.สามารถเปิดบินได้ 50%  และ เดือนมิ.ย.กลับมาได้ 100% แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงาน และผลประกอบการ

“ถ้า มิ.ย.กลับมาได้ 100%  ก็ไม่ขาดทุน แต่เดาไม่ออกว่าการระบาดของโควิดรอบใหม่จะมาไหม จีนเปิดประเทศได้เมื่อไร ปีหน้าต้องลอยคอ อย่าเพิ่งว่ายน้ำ เก็บแรงไว้  ตอนนี้เราเหมือนลอยคอขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นฝั่ง พอเห็นฝั่งเมื่อไหร่ ค่อยว่าย”

สำหรับแผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นด้วยเงินทุนมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท  ผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ และหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหม่ และผู้ถือหุ้นปัจจุบัน เพื่อซื้อหุ้นไทยแอร์เอเชียทั้งหมด และเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทนั้น  อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อผู้ถือหุ้นอนุมัติคาดว่าเงินทุนก้อนแรกจะเข้ามาไม่เกินกลางเดือนธ.ค.นี้  โดย 80% จะใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินงานต่อในอนาคต 

ซีอีโอ ไทยแอร์เอเชีย ทิ้งท้ายด้วยว่า การแข่งขันของบรรดาสายการบินที่ล้วนเผชิญภาวะบาดเจ็บกันมาถ้วนหน้า ไม่เหมือนเดิมแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม!

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์