“จุรินทร์”ร่วมประชุมรัฐมนตรีเอเปค ชู การค้าฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจช่วงโควิด-19
“จุรินทร์” เสนอ 4 ประเด็นในเวทีรัฐมนตรีเอเปค รับมือวิกฤตเศรษฐกิจชวงโควิด ทั้งไทยปรับใช้ E-commerce หนุน BCG Model-FTAเอเปค เน้นโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกประเทศ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค APEC Minister Meeting 2021 (AMM) ครั้งที่ 32 ผ่านระบบทางไกล โดยมีนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นนำเสนอผลงานการฟื้นฟูและรับมือวิกฤตเศรษฐกิจของไทยในช่วงโควิด-19 และเตรียมการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้นำเสนอการใช้การค้าเป็นเครื่องมือสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจใน 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1.การค้าดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 โดยไทยสนับสนุนวิสัยทัศน์ปุตราจายาปี 2040 ที่เน้นการเตรียมประชาชนและธุรกิจเข้าสู่ยุค Digital Economy และจะร่วมกับสมาชิก APEC ขับเคลื่อนแผนการทำงานด้านอินเทอร์เน็ตและ Digital Economy ที่ผ่านมา
โดยไทยได้ใช้ E-Commerce สร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะกับ SME ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการค้าปลีก-ค้าส่งของไทยผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ในปี 2020 สูงถึง 43,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.7 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และผู้ประกอบการ SMEs สามารถเพิ่มมูลค่าการค้าได้ถึง 47,600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบ E-Commerce โดยมีกิจกรรมสำคัญ เช่น
1.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบไฮบริด คือ ทั้งออนไลน์ และออนไซด์ผสมกัน ซึ่งสามารถสร้างมูลค่ากว่า 4,700 ล้านดอลลาร์
2.การจัดให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ มากกว่า 230 คู่ ซึ่งสร้างมูลค่าส่งออกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
3.การจัดฝึกอบรมเกษตรกร SMEs และ MSMEs ให้สามารถใช้แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก
4.การเดินหน้าสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ภายใต้โครงการ From GEN Z to be CEO โดยอบรมนิสิตนักศึกษามากกว่า 20,000 ราย เพื่อเตรียมพร้อมเติบโตไปเป็นแม่ทัพทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยต่อไป
2. ไทยสนับสนุนการใช้ BCG Model ขับเคลื่อน MSMEs ของประเทศ โดยในปี 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ APEC จะจัดให้มีการสัมมนาใหญ่ (Symposium) ในเรื่องนี้ เนื่องจากตระหนักดีว่าการค้ายุคใหม่ต้องคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน
3. ไทยพร้อมสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคโดยการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ทั้งการจัดทำ FTA-AP และ RCEP ซึ่งไทยได้ให้สัตยาบัน RCEP แล้ว เมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเชื่อมั่นว่า FTA จะช่วยลดเลิกอุปสรรคทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเชื่อมโยงและเติบโตได้ดีในระยะยาว
4. ไทยต้องการเห็นความสำเร็จของการประชุม MC12 ในเดือนธ.ค.นี้ โดย APEC ควรมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การประชุมมีผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง การจัดทำกฎเกณฑ์การอุดหนุนประมง การลดการอุดหนุนเกษตรที่บิดเบือน และการจัดทำกฎเกณฑ์ด้าน E-Commerce ซึ่งมีหัวใจสำคัญ คือ การสร้างความโปร่งใส กติกาที่เป็นธรรมสำหรับทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย