SKR นิวไฮ ไตรมาส 3/64 กำไรพุ่ง 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231%
SKR นิวไฮ ไตรมาส 3/64 กำไร 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231%หลังรายได้การรักษาโรคเฉพาะทางแบบผ่าตัด จำนวนคนไข้ประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และยอดขายสินค้าออนไลน์พุ่ง
นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKR บริษัทจดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/64 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,659.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 640.02 ล้านบาท หรือเติบโต 62.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 339.15 ล้านบาท เติบโต 231.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิที่ 102.77 ล้านบาท
สาเหตุการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ มาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้รับบริการรักษาโรคเฉพาะทางที่ต้องมีการผ่าตัดและกลุ่มผู้เข้ารับบริการโดยใช้สิทธิประกันสังคม รวมถึงการร่วมมือกับภาครัฐในการออกตรวจเชิงรุกและการรับรักษาผ่านสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel)
โดยโรงพยาบาลศิครินทร์ ร่วมกับ สำนักงานประกันสังคม เปิดตัวโครงการ “Hospitel เพื่อผู้ประกันตน” ผ่าน 7 โรงแรมชั้นนำ สามารถรองรับการรักษากว่า 3,500 เตียง เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ผู้ประกันตนและเป็นการลดการติดต่อแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรงพยาบาลในเครืออีก 2 โรงพยาบาล
ได้แก่ โรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ และ โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ ร่วมกับ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ออกหน่วยตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 โดยตรวจวิเคราะห์แบบ RT-PCR สำหรับผู้ประกันตนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และสงขลา
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายการดำเนินการรวมค่าเสื่อมราคาไตรมาส 3/64 อยู่ที่จำนวน 1,230.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.03% จากจำนวน 891.59 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/63 เป็นผลมาจากต้นทุนการรักษาพยาบาล จำนวน 960.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.78% จากไตรมาสที่ 3/63
สาเหตุหลักมาจากจำนวนคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการกลุ่มลูกค้าทั่วไป ประกอบด้วย เงินสด บริษัทคู่สัญญา บริษัทประกันชีวิต และกลุ่มลูกค้าประกันสังคม รวมถึง การร่วมมือกับภาครัฐในการออกตรวจเชิงรุกและการรับรักษาผ่านสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) จำนวน 3,500 เตียง
ทั้งนี้ในส่วนการบริหารต้นทุนยังทำได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนของต้นทุนกิจการโรงพยาบาลต่อรายได้จากกิจการโรงพยาบาล อยู่ที่ 58.43% ลดลง 10.75% จาก 69.18% ในไตรมาสที่ 3/63
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2564 นั้น นายสุริยันต์ มั่นใจว่า ยังคงเติบโตต่อเนื่องจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่ม Hospital มุ่งเน้นรายได้จากการรักษาโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนด้วยการผ่าตัด รายได้จากสถาบันทางการแพทย์และศูนย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ ของโรงพยาบาล
ส่วนรายได้จากการดูแลลูกค้าสุขภาพดี ผ่าน BeBetter Center ยังคงสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 4 ทางเครือโรงพยาบาลศิครินทร์ เปิดตัวโครงการ “ประกันสังคม พลัส” เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ประกันตนตามโควต้าประมาณ 5 แสนราย
โดยพัฒนาระบบการให้บริการสำหรับลูกค้าประกันสังคมผ่านแนวคิด “รอคิวไม่นาน พบหมอเฉพาะทางทันที และ ผ่าตัดด้วยมาตรฐานสากลระดับโลก” ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม Non-Hospital หลังจากเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ต่อจากนี้จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพด้านต่าง ๆ เข้ามา เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยความตั้งใจของศิครินทร์ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืนมากขึ้น
“ในปี 2564 ที่เหลือนี้ เรามุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ “Sikarin” ให้เกิดการยอมรับจากลูกค้าและสามารถเชื่อมโยงได้อย่างถูกต้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ ภายใต้แนวคิด “ศิครินทร์ เคียงข้างคุณ” ส่วนการพัฒนาเรื่องบุคลากรในทุกระดับ จะถูกบริหารจัดการอย่างเป็นรูปแบบ ผ่านสถาบัน Sikarin Academy ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) กับ Chulalongkorn Business School”