BOI หารือ 36 หอการค้าต่างชาติ จุดพลุดึงลงทุนปี 2565
บีโอไอถกร่วมหอการค้าร่วมต่างประเทศ โชว์แผนส่งเสริมคลัสเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้า-ชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ และสตาร์ทอัพ
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เรื่อง “the BOI-Foreign Chambers of Commerce Consultative Meeting” เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงติดตามประเด็นความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ
โดยมีนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในไทยจาก 36 หอการค้า ว่า บีโอไอได้มีพูดถึงนโยบายใหม่เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติกลุ่มคลัสเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน ระบบหัวจ่ายไฟฟ้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ โดยการให้สิทธิประโยชน์การลงทุนกลุ่มธุรกิจอีวีและสถานีชาร์จไฟฟ้า ในเรื่องภาษีนำเข้าและการส่งเสริมค่าไฟโดยจะมีการแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ JFCCT นำเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจ BCG ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มจะเติบโตได้ดี รวมทั้งให้ภาครัฐเร่งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่บริการดิจิทัลในรูปแบบ one stop service เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติติดต่อดำเนินงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น จะช่วยลดอุปสรรคการเข้ามาลงทุนของต่างชาติไปได้มาก
ในด้านการพัฒนาทักษะแรงงานจะต้องมีการ reskill และ upskill เพื่อเตรียมความพร้อมรูปแบบอุตสาหกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนไปในอนาคต ซึ่งไม่ใช่เพียงภาคการผลิตอย่างเดิมแต่เป็นการบริการด้านเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยการดึงการทุนจากต่างชาติเข้ามาร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในไทยเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่และส่งเสริมให้มีการเรียนควบคู่ไปกับการทำงาน เพื่อสร้างแรงงานยุคใหม่ที่ตรงกับความต้องการของตลาด
ทั้งนี้ มีความเห็นว่าการออกวีซ่าพำนักระยะยาว (long-term resident visa) ให้กลุ่มชาวต่างชาติศักยภาพสูงเป็นนโยบายที่ดี สอดรับกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปเป็น remote working หลังยุคโควิด จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่มีจุดแข็งเรื่องความน่าอยู่และความสมบูรณ์ของธรรมชาติ จะสามารถดึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศได้