TQM บอร์ดอนุมัติขอผู้ถือหุ้นแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องในตลาด เหลือ 0.50 บาท
" ทีคิวเอ็ม" เผยไตรมาส 3/64 กำไรสุทธิ 241.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านบอร์ดมีมติขอผู้ถือหุ้นแตกพาร์หุ้น TQM เเสริมสภาพคล่องในตลาด เหลือ 0.50 บาท จากเดิม 1 บาท เพิ่มมูลค่าหุ้นจาก 300 ล้านหุ้น เป็น 600 ล้านหุ้น ลุยธุรกิจใหม่ TQC บริการบริหารสินไหม
นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 ว่า บริษัท มีกำไรสุทธิ 241.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทุกช่องทาง และการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และจากการควบรวมกิจการที่ได้ลงทุนในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวม 851.9 ล้านบาท
บริษัสร้างผลประกอบการได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยยอดขายประกันภัยเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในทุกช่องทางขาย โดยช่องทางหลักยังเป็น Tele-Sales และช่องทางออนไลน์ จากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทฯ ที่มีอยู่กว่า 2 ล้านราย และขณะเดียวกันลูกค้าใหม่ทางช่องทางออนไลน์ก็ยังคงเติบโตตามไลฟ์สไตล์ในวิถี Next Normal
ขณะเดียวกัน บริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 44.2% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 49.1% ของรายได้รวม ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 51.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 49.9% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 190.2 ล้านบาท คิดเป็น 22.3 % ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหุ้น (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท ส่งผลให้หุ้นเพิ่มเป็น 600,000,000 หุ้น จากเดิม 300,000,000 หุ้น เพื่อให้บริษัทสามารถเพิ่มการกระจายการถือหุ้นบริษัทไปยังผู้ลงทุนได้กว้างขวางขึ้น และทำให้หุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องในตลาดมากขึ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายจะไม่เปลี่ยนแปลง
อีกทั้ง บอร์ดยังได้อนุมัติให้บริษัท ฯ มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีคิวซี จำกัด หรือ TQC ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และให้คำปรึกษาวินิจฉัยการเรียกร้องสินไหมของลูกค้าแก่บริษัทประกันภัยและบริษัทประกันชีวิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาส่งเสริมรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ฯ ให้สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายทั้งด้านความคุ้มครอง และราคาที่จับต้องได้ในสถานการณ์ที่ต้องรัดกุมค่าใช้จ่ายแต่สามารถให้ลูกค้ายังคงมีประกันภัยไว้คอยบริหารจัดการความเสี่ยงภัยในชีวิต
นอกจากนี้การร่วมทุนในธุรกิจของ บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด , บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด และการเข้าถือหุ้นใน บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จะเข้ามาช่วยส่งเสริมรายได้ของกลุ่มบริษัท ให้ผลงานเติบโตสูงสุดต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 นี้