ปชป.โต้คนด่า ‘ประกันรายได้’ ยันช่วยชาวนา
ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ โต้คนด่าประกันรายได้ ย้ำรัฐบาลทำเต็มที่จ่ายส่วนต่างตอนราคาข้าวตกช่วยชาวนา พร้อมเดินหน้าบุกตลาดข้าวส่งออก
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ระบุ กรณีที่มีผู้วิจารณ์นโยบายประกันรายได้ข้าวอย่างต่อเนื่อง มองว่าไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรกับการที่จะมาตั้งป้อมโจมตีโครงการประกันรายได้เกษตรกรแบบฉาบฉวยและเป็นที่น่าสังเกตว่าผ่านมา 2 ปีกว่าชาวนาได้ประโยชน์สูงสุด ไม่มีหาย หก ตก หล่น ไม่เหมือนโครงการจำนำข้าว แต่รัฐบาลนี้ตั้งแต่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประกันรายได้ยังเป็นนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์ จะสังเกตุเห็นว่าในรอบ 2 ปีกว่าเกือบ 3 ปีมานี้ไม่มีม็อบเกษตรกรล้อมกระทรวงใดๆเลย น่าจะเป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลมากกว่า กับการที่สามารถใช้หลักประกันของโครงการประกันรายได้เกษตรกรดูแลพืชเกษตรของประเทศนี้ทั้ง ข้าว มัน ยาง ปาล์มและข้าวโพด และเป็นประวัติการที่เราสามารถทำราคาข้าวโพดสูงถึงกิโลกรัมละ 9-10 บาทจากเดิมที่ประมาณกิโลกรัมละ 4-5 บาท
ขณะเดียวกันปาล์มน้ำมันก็สร้างประวัติการในรอบ 10 ปี ที่สามารถยกระดับราคาช่วยเกษตรกรได้เกือบ 400,000 ครัวเรือน ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 9 บาทกว่า
“ในรอบสองปีที่ผ่านมาอาจจะมีบ้างที่พืชบางชนิดราคาตกต่ำลง แต่เรามีการชดเชยส่วนต่างให้กับเกษตรกรเป็นระยะ สำหรับข้าวช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็มีบางชนิดข้าวที่ราคาเกินจากรายได้ที่ประกันไว้ ก็ไม่ต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างยกเว้นชนิดที่ราคาตกตามกลไกตลาด สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักประกันในโครงการนี้คือหากพืชเกษตรชนิดนั้นราคาตก รัฐบาลให้หลักประกันในการประกันรายได้ไว้ และเพิ่งจะเริ่มปีที่ 3 นี้ก็มีข้าวที่เป็นปัญหา”
ส่วนราคาข้าวที่ตกต่ำยอมรับว่าเกิดจากปัญหาโควิด เรื่องค่าบาทแข็ง สต๊อกข้าวภายในประเทศล้น ผู้ส่งออกมีปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ ต้องนำข้าวลงเรือซึ่งตู้ไปแล้วไม่กลับมาข้าวเปลือกทั้งประเทศมี 30 ล้านตัน คิดเป็นข้าวสาร 20 ล้านตัน บริโภคภายในประเทศ 10 ล้านตัน ที่เหลือประมาณ 10 ล้านตันต้องส่งออก ซึ่งไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวลดลง ร้านอาหารไม่สามารถเปิดได้ และนักท่องเที่ยวจาก 40 ล้านคนกลายเป็นศูนย์ การส่งออกชะลอตัว ตลาดต่างประเทศชะลอการซื้อ ตอนครึ่งปีแรกขายได้ 2.1 ล้านตันเพิ่งมาขายได้เพิ่มมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนปีนี้คิดว่าจะสามารถผลักดันการส่งออกได้เพิ่ม