ดร.นิเวศน์ ชี้ดีลควบรวม TRUE-DTAC ส่งผลบวกต่อ 2 กิจการ

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนคุณค่า (Value Investor) เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่มีการลงทุนในหุ้นสื่อสารเพราะมองว่าธุรกิจโทรคมนาคมค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์การลงทุนที่ต้องการ โดยมองอนาคตโอกาสเติบโตสูงน้อยมาก เพราะปัจจุบันประชาชนเกือบทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือ ขณะที่ระยะข้างหน้าจำนวนประชากรไทยมีแต่จะลดลง

ในขณะที่ดีลระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เป็นทางออกที่ดีกับทั้ง 2 บริษัท จากเดิมเผชิญข้อติดขัดทางธุรกิจ โดยทรูมีรายได้แต่กำไรสุทธิไม่ค่อยดี ส่วนดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการไม่เติบโต ส่งผลให้บริษัทลงมาอยู่ที่ 3 ของอุตสาหกรรม ขณะที่ในอนาคตยังมีแนวโน้มเติบโตได้ลำบาก เพราะมีขนาดเล็กกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังมีการลงทุนที่ต่ำ

การควบรวมกิจการจะส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัทประหยัดต้นทุนต่อขนาด หรือ Economies of Scale และกลายเป็นเบอร์ 1 โดยคาดว่าต้นทุนธุรกิจจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการลดลงของต้นทุนใบอนุญาตคลื่นความถี่ที่จะเหลือใบเดียว รวมถึงการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน

สำหรับผลกระทบต่อตลาด คาดว่าจะก่อให้เกิดการผูกขาดในการให้บริการ จากเดิมมีผู้ให้บริการ 3 ราย คือ เอไอเอส , ทรู และดีแทค ทำให้การแข่งขันสูง เพราะการเพิ่มค่าบริการทำได้ค่อนข้างลำบาก แต่หากเหลือเพียง 2 ราย เชื่อว่าค่าบริการมีโอกาสเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี หากไม่ควบรวมจะส่งผลเสียต่อธุรกิจให้ต้นทุนสูงต่อเนื่อง ขณะที่กำไรน้อยลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกถกเถียงในปัจจุบัน จึงคาดว่าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้กำกับดูแลจะอนุมัติควบรวมกิจการแบบมีเงื่อนไข

สำหรับการลงทุน แม้จะให้น้ำหนักกว่าการควบรวมกิจการจะผ่านการอนุมัติ แต่ต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงไม่ผ่านเช่นกันทำให้นักลงทุนต้องติดตามข้อมูลใกล้ชิด นอกจากนี้ ราคาหุ้นปรับขึ้นค่อนข้างมากแล้ว หากจะไปต่อจะต้องอาศัยปัจจัยหนุนใหม่ ซึ่งคาดว่าหลัง กสทช.อนุมัติ จะส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารปรับขึ้นต่อ แต่หากไม่ผ่านจะกดดันให้ราคาหุ้นปรับลง

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์