หอการค้าไทย-จีน เผยดัชนีเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไตรมาสแรกปี 65
หอการค้าไทย-จีน เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไตรมาสไตรมาส 1/2565มีสัญญาณฟื้นตัวและดีขึ้นในกลางปี 65 แต่ยังชะลอการจ้างงาน คาดนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้าไทยไตรมาส 3 ย้ำไทยต้องเปิดประเทศแม้ยังมีการระบาดของโควิด-19
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า หอการค้าไทย-จีน และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น จาก คณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และสมาชิกหอการค้าไทยจีน และประธาน ผู้บริหาร กรรมการสมาพันธ์หอการค้าไทยจีน และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่หอการค้าไทยจีน จำนวน 370 คน ระหว่างวันที่ 16 – 26 พ.ย. 2564 เพื่อคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 โดยประเด็นพิเศษได้ให้ความสำคัญ2 เรื่องคือ1. การติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจากของโรคระบาดโควิด -19 และการจัดการทางธุรกิจ และ 2. ความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจหลังมีสัญญาณเงินเฟ้อ ทั้งนี้การสำรวจดังกล่าวเริ่มมีข่าวการกลายพันธุ์ โควิด-19 โอมิครอน ในช่วงวันสุดท้ายของระยะเวลาการสำรวจ
ในส่วนแรกได้มีการสอบถามยอดขายหรือรายได้ของธุรกิจในช่วงปลายปี 2564 ว่าได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหรือยัง ผลการสำรวจสรุปได้ว่า กว่า 60 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีความเห็นว่า การเปิดประเทศส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่การที่นักท่องเที่ยวจะกลับมาเข้าไทยนั้น ยังห่างไกล อย่างน้อยต้องเลยกลางปีหน้าไปแล้ว
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อสอบถามถึงสถานะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเมื่อมองไปในอนาคตอันใกล้ คือ 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการได้วางแผนการจ้างงาน เมื่อเทียบกับตอนก่อนเกิดวิกฤโควิดเอาไว้อย่างไร โดยเกือบครึ่งหนึ่ง หรือ 46.44 % เห็นว่า ยังคงวางแผนการจ้างงานเพียง 1 ใน 3 ของอัตราการจ้างงานเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด ส่วน 15.95 % เห็นว่า ยังมีแผนการจ้างงานในระดับ 30%-60% และที่อัตราการจ้างงานใกล้เคียงกับก่อนวิกฤตโควิด คือ 60%-100% มีเพียง 15.95 % ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มที่จะดีขึ้น การจ้างงานเริ่มทยอยกลับมาอีกครั้ง แต่หากจะให้การจ้างงานกลับมาเป็นปกติต้องรอไปอีกระยะหนึ่งอย่างน้อยกลางปี 2565 ไปถึงดีขึ้น
ด้านนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีนจะมีความมั่นใจและเดินทางมาประเทศไทยเมื่อไหร่ นักธุรกิจของหอการค้าไทยจีน ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า คาดว่าจะเริ่มมีการเดินทางในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ทั้งนี้หากมีการเปิดประเทศแล้วมีการระบาดของโรคโควิด -19 เพิ่มมากขึ้นอย่าง”มีนัยยะสำคัญ” นักธุรกิจหอการค้าไทยจีน 73.5% เห็นว่า คงต้องเปิดประเทศต่อไป แต่จะให้มีการใช้มาตรการเช่นในปัจจุบัน หรือเข้มข้นขึ้น เช่น การปิดบางกิจการ ทั้งนี้การสำรวจเป็นการคาดการณ์ก่อนที่จะทราบรายละเอียดของการกลายพันธุ์เป็น โควิด สายพันธุ์ โอมิครอน ที่เป็นกระแสความไม่แน่นอนในทั่วโลก
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น จะเป็นปัจจัยทำให้เกิดเงินเฟ้อที่ผลักดันต่อต้นทุนหรือ cost-push inflation ในระยะยาวยังเป็นความกังวลสูง 54.7 % ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการ 80 % จะปรับราคาสินค้า ภายใน 3 เดือนข้างหน้า ถึง 56.13% ขณะที่ 25 % คิดว่าจะรอไปปรับราคาหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว
เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและไทย จากการสำรวจพบว่า 51% คาดว่าเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนโดยรวมของจีนในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จะดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสปัจจุบัน ในขณะที่ 27.9 % คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะทรงๆ ส่วน 12.8% มีความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตช้าลง ซึ่งผลการประเมินดังกล่าวได้สะท้อนถึงการคาดคะเนการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในไตรมาสหน้า โดย 55.6% คาดว่าการส่งออกของไทยไปยังจีนจะเพิ่มขึ้น และ 24.5 % ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน ส่วนการนำเข้านั้น 57.8 % คาดว่าการนำเข้าจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น และ 19.9 % การนำเข้าจะทรงตัว การสอบถามความคิดเห็น ด้านการลงทุนของจีนในไทย พบว่า 47.9 % การคาดคะเนระหว่างการลงทุนจากจีนจะเพิ่มขึ้น ในภาพรวมแล้วความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทยจีนยังดีอย่างต่อเนื่อง
“ผลสำรวจด้านสถานการณ์เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของไทย มีสัญญาณที่ดี โดยผลสำรวจพบว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 จะดีขึ้น ซึ่งหมายความว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว”นายณรงศักดิ์ กล่าว
สำหรับภาคธุรกิจที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีหน้า คือ ธุรกิจออนไลน์ พืชผลการเกษตร ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง และการบริการสุขภาพ ส่วนธุรกิจที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พืชผลการเกษตร และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ จากผลการสำรวจขยายความได้ว่ารากฐานทางด้านการท่องเที่ยว และพืชผลการเกษตรมีความเข้มแข็ง และมีราคาดีในปัจจุบัน อาทิ ยาง มันสำปะหลัง และน้ำมันปาล์ม หากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และปัญหาการประกอบธุรกิจได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ทั้งสองธุรกิจจะเป็นที่พึ่งทางด้านรายได้ของไทยในไตรมาสหน้า