ไซด์เวย์ - หุ้นรายงานพิเศษ TIPH (9 ธ.ค. 64)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยบวกประมาณ 8 จุด แม้ตอนเปิดตลาดภาคบ่ายดัชนีลดช่วงบวกลง เหลือเพียง +1จุด แต่ก็มีแรงซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ ราว +11 จุด โดยเป็นแรงซื้อให้หุ้นกลุ่ม ICT, พลังงาน และการเงิน เช่น ADVANC, TRUE ส่วนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวได้ดี เช่น ETC, IRCP, APCO แต่มูลค่าการซื้อขายเริ่มลดลงจากวันก่อนหน้า ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,618.36 จุด +9.08 จุด +0.56% มูลค่าการซื้อขาย 69,264 ลบ. ต่างชาติ -1,454.04 ลบ. TFEX +20,125 สัญญา ตราสารหนี้ -477.82 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 35.32 จุด +0.10% ขานรับข่าววัคซีนไฟเซอร์และไบออนเทค 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงสร้างภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ
+ ราคาน้ำมันดิบ +31 เซนต์ +0.4% ปิด 72.36 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นลท.คลายกังวลไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังมีรายงานว่าวัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทค 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างภูมิต้านทานไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน
+ สหรัฐเปิดเผยผลสำรวจตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.0 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงสุดเป็นอันดับ 2
+ เจพีมอร์แกน เชส วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐคาดว่าไวรัสโควิด-19 จะยุติการแพร่ระบาดในปี 2565 และเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่
+ ศบค.ชุดใหญ่เล็งเคาะคลายมาตรการเพิ่ม
+กกร.คงเป้าเศรษฐกิจไทยปี 64 ขยายตัว 0.5-1.5% คาดการส่งออกขยายตัวในกรอบ 13 -15% เนื่องจาก Demand เพิ่มต่อเนื่อง ส่วนปี 65 คาด GDP ขยายตัว 3-4.5%
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 4,203ราย ATK 1,020 ราย มีผู้เสียชีวิต 49 ราย รักษาหาย 7,939 ราย
ปัจจัยลบ
- CDC ของสหรัฐเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลก ปัจจุบันพบสายพันธุ์นี้ใน 50 ประเทศและใน 19 รัฐของสหรัฐ
- ปธน.สหรัฐกังวลต่อกรณีรัสเซียเสริมกำลังทหารใกล้แนวชายแดนยูเครนและเตือนรัสเซียว่าสหรัฐและบรรดาชาติพันธมิตรในยุโรปจะออกมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง หากสถานการณ์ทางทหารทวีความรุนแรง
- รัฐบาลอังกฤษอาจประกาศยกระดับการคุมเข้มมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ หลังพบว่าจำาวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-สื่อต่างประเทศรายงานว่าจีนกำลังจัดทำบัญชีดำที่จะส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีใหม่ ๆ ระดมทุนจากต่างประเทศและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ยากขึ้น คาดจะเผยแพร่เร็วสุดภายในเดือนนี้
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งออกข้างลักษณะ Sideway หลังปรับตัวขึ้นแรงสองวัน และติดวันหยุดยาว โดยยังมีแรงหนุนจากรายงานที่ว่าวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคจำนวน 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,610-1,630 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
• ส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว AH SAT NER KCE HANA TWPC JUBILE
• รัฐบาลออกวีซ่ารักษาพยาบาลสำารับต่างชาติ รักษาตัวในไทยได้นาน 1 ปี BH BDMS BCH PR9
• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK
หุ้นรายงานพิเศษ
TIPH - มุมมองบวก
•9M64 มีเบี้ยประกันภัยรับ 1.94 หมื่นลบ. +17%YoY สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ +4.18% แต่กำไรสุทธิ 1,625 ล้านบาททรงตัว YoY เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทนและคชจ.จัดการค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยโควิด (คุ้มครองเฉพาะป่วยโคม่าซึ่งทำการประกันต่อ 65% และไม่มีกรมธรรม์ เจอ จ่าย จบ) Loss Ratio โดยรวมอยู่ที่ 66.48% ต่ำกว่าระดับ 69.65%
•แผนปี 65 ตั้งเป้าเบี้ยรับเติบโตสองเท่าของ GDP ในอนาคตจะเพิ่มพอร์ตเบื้ยประกันภัยรถยนต์ในกลุ่ม selective จาก 20% เป็น 30% ของเบี้ยรับรวม การประกันภัยตาม lifestyle การเชื่อมต่อดิจิตอลอินชัวร์
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจาก 1) การปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจประกันวินาศภัยโดยไม่ติดข้อจำกัดในการกำกับดูแล ทำให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน กระจายความเสี่ยง และลดต้นทุนดำเนินงาน 2) ผู้ถือหุ้นใหญ่มีความแข็งแกร่ง (PTT 13% ธนาคารออมสิน 11.3% KTB 10.1%) 3) อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ของทิพยประกันภัย ณ ปลาย 3Q64 เท่ากับ 253% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 120% ทั้งนี้ TIPH เป็นจะเริ่มเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap มีผล 20 ธ.ค. ราคาหุ้น +93% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา PBV 4.14x สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.54x แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
หุ้นมีข่าว
(+) TPOLY (Bloomberg Consensus - บาท) สัญญาณดี คว้าสัญญาก่อสร้างรวดเดียว 3 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวมกว่า 2,148.03 ล้านบาท เติมพอร์ต ดันแบ็กล็อกในมือสิ้นปีทะลุเป้า 3 พันล้านบาท ส่งซิกยังมีงานที่รอเซ็นสัญญาอีก 1 โครงการ คาดเห็นความชัดเจนต้นปี 2565 จับตาประกาศลงทุน New S-Curve ปลายปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ABM (Bloomberg Consensus - บาท) จรดปากกาเซ็นสัญญาซื้อไม้โตเร็ว บนพื้นที่ 3 พันไร่ คาดได้ผลผลิตสูงถึง 3 หมื่นตันในปี 65 พร้อมตั้งเป้ายอดขายทะยาน 30% ชน 2.8 พันล้านบาท รับแรงหนุนดีมานด์เชื้อเพลิงชีวมวลพุ่ง ปักหมุดสินค้าใหม่โกยเงินเข้า 1 พันล้านบาทในปีหน้า แย้มไตรมาส 4/64 ปิดคลังสินค้าอินโดนีเซีย ลดต้นทุน ดันมาร์จิ้นฟู (ที่มา ทันหุ้น)
(+) JMART (Bloomberg Consensus 51.75 บาท) “เจ มาร์ท” (JMART) รับเงินเพิ่มทุนจากกลุ่มบีทีเอสแล้ว 1.03 หมื่นล้านบาท พร้อมนำไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน (RO) JMT กว่า 5,400 ล้านบาท และ SINGER อีก 1,300 ล้านบาท กลางเดือน ธ.ค.นี้ ที่เหลือใช้ทำธุรกรรม M&A และเป็นสภาพคล่อง มั่นใจปีนี้โต 50% และอีก 3 ปีข้างหน้าพุ่ง 50% ต่อปี ลั่น! พร้อมนำ JFIN Coin มาใช้กับกลุ่มบีทีเอสทั้งค่าโดยสาร เคอรรี่ และ วีจีไอ ด้าน “อดิศักดิ์” เผยเป็นรูปแบบของการนำไปแลกสินค้า หารือกับ ธปท. และ ก.ล.ต.แล้ว สามารถดำเนินการได้ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) WICE (Bloomberg Consensus 17.50 บาท) ลั่นรายได้ปีนี้ทะลุเป้าแตะ 7 พันล้านบาท จากเดิมคาดทำได้ 5.8 พันล้านบาท ลุ้นผลงานไตรมาส 4/64 รายได้นิวไฮเป็นไตรมาสที่ 8 เตรียมขยายขนส่งข้ามแดนเชื่อมต่อรถไฟลาว-จีน พร้อมเปิดคลังสินค้าใหม่ ขณะที่ปี 65 ปักธงรายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% (ที่มา ข่าวหุ้น)