เจ้าท่าอัดงบ 5.4 พันล้าน ฟื้นชายหาดรับท่องเที่ยว

เจ้าท่าอัดงบ 5.4 พันล้าน ฟื้นชายหาดรับท่องเที่ยว

“ศักดิ์สยาม” สั่งกรมเจ้าท่าเร่งแผนพัฒนาชายฝั่งทะเล หลังพบโอกาสสร้างผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ37 เท่า ดันหารือร่วมเอกชนลุยโครงการท่าเรือมาริน่าฝั่งอ่าวไทย - อันดามันด้านกรมเจ้าท่าอัดงบ5.4 พันล้านบาท เสริมชายหาดทั่วประเทศ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลและสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่จังหวัดชลบุรีโดยระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจดูการล่วงล้ำลำน้ำ ก็พบว่ามีส่วนที่ไม่ได้รื้อถอนอยู่ เนื่องจากกรมเจ้าท่าไม่ได้รับงบประมาณในการดำเนินการส่วนนี้ปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่าได้ของบราว 100 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับการอนุมัติตนได้ให้กรมเจ้าท่าไปจัดทำรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ธ.ค.64 พิจารณาอีกครั้ง

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาชายฝั่งทะเล เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเริ่มปรับปรุงทำชายหาด เสริมทรายให้กว้าง 50 เมตร เป็นระยะทาง 3,500 เมตรเมื่อมีการเสริมหาดทรายส่วนนี้แล้วเสร็จ จะทำให้ประชาชนใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวได้มากขึ้น โดยเน้นย้ำให้กรมเจ้าท่ามองโอกาสพัฒนาพื้นที่อื่น และให้ดำเนินการบูรณาการไปพร้อมกับกรมทางหลวง เพื่อทำถนนสนับสนุนการเดินทาง ซึ่งพบว่ากรมเจ้าท่ากำลังศึกษาโครงการนี้อยู่แล้ว และคาดว่าแผนจะเสร็จกลางปีหน้า

เจ้าท่าอัดงบ 5.4 พันล้าน ฟื้นชายหาดรับท่องเที่ยว

“การพัฒนาชายฝั่ง เสริมชายหาด ผลการศึกษาพบว่าผลตอบแทนกลับมาถึง 37 เท่า คุ้มค่าต่อการลงทุน แม้ว่าจะไม่ได้เกิดประโยชน์โดยตรงกับกรมเจ้าท่า แต่เรื่องนี้เป็นผลพวงที่จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาทางน้ำจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แต่เรายังไม่ได้เข้ามาทำอย่างจริงจัง”

ส่วนการพัฒนาท่าเรือมาริน่าเพื่อสร้างโอกาสให้กับการท่องเที่ยวทางน้ำ เป็นจุดจอดเรือสำราญ และเรือยอร์ช จากปัจจุบันในพื้นที่ชลบุรีมีท่าเรือมาริน่าอยู่แล้ว 1 แห่งเป็นของเอกชน ตนได้สั่งการให้เพิ่มการพัฒนาท่าเรือมาริน่าในพื้นที่ทะเลฝั่งอันดามันเพิ่มเติมอีก 5 แห่ง อาทิ เกาะสมุยหากกรมเจ้าท่าสามารถมองหาพื้นที่พัฒนาเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จะสร้างโอกาสเพิ่มขึ้น และอยากให้ทำแผนพัฒนาให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันด้วย

เจ้าท่าอัดงบ 5.4 พันล้าน ฟื้นชายหาดรับท่องเที่ยว

“กรมเจ้าท่าจะต้องทำงานร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และอยากให้ไปหารือกับเอกชน เพื่อศึกษาการทำท่าเรือมาริน่า ต้องดูว่าเอกชนจะมาร่วมยังไง เพราะการทำท่าเรือไม่ได้เพื่อรองรับจุดจอดเรืออย่างเดียว แต่ยังมีพื้นที่หลังท่าเรือ ที่จะพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้อีก เรื่องนี้หากทำได้จะเป็นตัวอย่างที่ดี”

นอกจากการให้กรมเจ้าท่าบูรณาการร่วมกันกับ กทท.เพื่อจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาการคมนาคมทางน้ำ อีกทั้งขอให้ทบทวนเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 

นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่า ได้จัดทำแผนการพัฒนาชายฝั่งทะเล ด้านการเสริมทรายชายหาดเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ฟื้นฟูพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการเสริมทรายฟื้นฟูชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตรแล้วเสร็จในปี 2562 จึงเป็นต้นแบบขยายโครงการต่อเนื่องไปในอนาคต

โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 ระยะทาง 3.6 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 รวมทั้งมีแผนงานเสริมทรายชายหาดท่องเที่ยวในอีก 10 ปีข้างหน้า เช่น ชายหาดบางแสน ชายหาดสมิหลา ชายหาดชะอำ ชายหาดเขาหลัก ชายหาดบางเสร่ ชายหาดอ่าวดงตาล ชายหาดแสงจันทร์ ชายหาดปราณบุรี และชายหาดทรายรี เป็นต้น โดยใช้งบประมาณ 5.4 พันล้านบาท ระยะทางรวมประมาณ 42 กิโลเมตร

นอกจากนี้ โครงการพัฒนาท่าเรือมาริน่ากรมเจ้าท่าจะมีโครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย รองรับการเดินทางด้วยเรือสำราญ และเรือยอร์ช เข้ามาท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันท่าเรือมาริน่ายังมีอยู่อย่างจำกัด และกระจุกตัวอยู่ทางด้านชายฝั่งอันดามัน จึงสมควรมีการวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือมาริน่าบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย เพื่อสรุปพิกัดตำแหน่งที่เหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือมาริน่า และรูปแบบในการลงทุน