"บีโอไอ" ชงต่ออายุ 1 ปี มาตรการลงทุน "อีอีซี"
“อีอีซีเป็นพื้นที่เป้าหมายที่จะกระตุ้นการลงทุน เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเสร็จก็จะทวีความสำคัญขึ้นกว่าเดิม”
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถือเป็นพื้นที่ลงทุนสำคัญที่มีการกำหนดสิทธิประโยชน์เฉพาะให้กับผู้ลงทุนในอีอีซี ซึ่งต้องการให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่และการลงทุนในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ โดยจะสิ้นสุดมาตรการในสิ้นเดือน ธ.ค.2564 และกำลังจะเสนอต่อมาตรการอีก 1 ปี ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนวันที่ 20 ธ.ค.2564
ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นโยบายส่งเสริมการลงทุนระยะ 7 ปี (2558-2564) มีการขยายเวลาเพิ่มเป็น 8 ปี เพื่อให้กรอบเวลาสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ฉะนั้นแผนที่มีอยู่เดิมจะมีการขยายเวลาให้สิ้นสุดลงในปี 2565 หลังจากนั้นบีโอไอจะมีการจัดทำยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ทั้งสิ้น เริ่มต้นใช้งานในปี 2566
สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี ที่หมดอายุสิ้นปี 2564 จะเสนอต่ออายุมาตรการในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยบีโอไอ
“อีอีซียังเป็นพื้นที่เป้าหมายในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และเมื่อโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินโครงการสำเร็จ พื้นที่อีอีซีจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นกว่าเดิม”
สำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนอีอีซี แบ่งเป็น 2 เกณฑ์ และเลือกดำเนินการทั้ง 2 เกณฑ์ควบคู่กันหรือเลือกเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งได้ ดังนี้
กรณีพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลงทุนในกิจการเป้าหมาย โดยต้องมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาตามรูปแบบที่กำหนด ได้แก่ ความร่วมมือในโครงการ Work-integrated Learning (WL) สหกิจศึกษาและทวิภาคี หรือความร่วมมือเพื่อพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นตามที่ได้รับความเห็นชอบจากบีโอไอ โดยต้องยื่นแผนความร่วมมือในการรับนักเรียนหรือนักศึกษาเข้าฝึกอาชีพ โดยมีจำนวนนักเรียนหรือนักศึกษาที่จะรับเข้าฝึกอาชีพไม่น้อยกว่า 1% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน หรือไม่น้อยกว่า 40 คน แล้วแต่จำนวนใดต่ำกว่า
สำหรับกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี อยู่แล้ว จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติม 3 ปี และสำหรับกิจการกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายและกลุ่มสนับสนุน จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อมเติม 2 ปี
กรณีแบ่งตามสถานที่ตั้งโครงการ ในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษในอีอีซี ดังนี้ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)
เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์พัทยา (EECmd) และเขตส่งเสริมการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน)
สำหรับกิจการที่ได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติม 2 ปี ส่วนกิจการกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายและกลุ่มสนับสนุนรวมถึงกรณีตั้งกิจการในนิคมอุตสาหกรรมอีอีซีจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 1 ปี
ทั้งนี้ กิจการที่ตั้งในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ 4 แห่ง ดังกล่าว ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน
ส่วนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2564 มี 348 โครงการ เงินลงทุน 173,780 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น จ.ฉะเชิงเทรา 49 โครงการ มูลค่าการลงทุน 27,800 ล้านบาท จ.ชลบุรี 132 โครงการ มูลค่าการลงทุน 54,310 ล้านบาท และ จ.ระยอง 67 โครงการ มูลค่าการลงทุน 91,640 ล้านบาท
สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า บีโอไอควรให้สิทธิประโยชน์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ดีเสนอแนะให้บีโอไอมีการทำงานเชิงลึกและมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่เข้าถึงกลุ่ม SMEs ไทยมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจ อาทิ เครื่องสำอาง แฟชัน สุขภาพ และสมุนไพร โดยยืดหยุ่นประเภทธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีมาใช้และปรับตัวสู่อุตสาหกรรม 4.0
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ผ่านมาได้ต่ออายุและปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนแล้ว ดังนี้
1.มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในวงเงิน 120% ของเงินสนับสนุน หรือให้ได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมวงเงิน 120% ของเงินสนับสนุน แล้วแต่กรณี โดยเงินลงทุนที่ใช้สนับสนุนต้องไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน โดยต้องสนับสนุนท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อราย
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการมีส่วนร่วมสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นพัฒนากิจการเกษตรที่ยั่งยืน และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันด้านการผลิตหรือให้บริการขององค์กรท้องถิ่นหรือชุมชนในกิจการด้านการเกษตรและเกษตรแปรรูป กิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมเบาและกิจการท่องเที่ยวชุมชน
2.มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับ SMEs โดยมีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมภาคการผลิตและบริการ ดังนี้ ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรและวัตถุดิบผลิตเพื่อการส่งออก ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มเป็น 2 เท่า หรือ เป็นวงเงิน 200% ของเงินลงทุน ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ตามประเภทกิจการ หากลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจะได้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 1 ปี เมื่อลงทุนใน 20 จังหวัด ที่มีรายได้ต่อหัวต่ำจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 3 ปี สำหรับกลุ่มธุรกิจ A1 และ A2 รับลดหย่อยภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 50% อีก 5 ปี
สำหรับคุณสมบัติของ SMEs ต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% และมีรายได้ของกิจการ ทั้งกิจการที่ได้รับการส่งเสริมบีโอไอและไม่ได้บีโอไอ รวมกันต่อปีไม่เกิน 500 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีแรก