‘บีโอไอ’เคาะขยายส่งเสริม‘อีอีซี’ - กระตุ้นลงทุน อีก 1 ปี ยื่นคำขอถึงสิ้นปี 65
บีโอไอเคาะส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี พร้อมาตรการกระตุ้นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ต่ออีก 1 ปี สามารถยื่นขอส่งเสริมการลงทุนได้ถึงปลายปี 2565 โดยกำหนดเงื่อนไขมาตรการกระตุ้นการลงทุนต้องลงทุนจริงในปี 65 ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมเคาะส่งเสริมการลงทุนอีก 2.6 หมื่นล้านบาท
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้ขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุน ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง
รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพื้นที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุนและมาตรการ EEC ถึงสิ้นปี 65 มาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 2565 บีโอไอมุ่งส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน
โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีผลในวงกว้างต่อการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมาตรการนี้ครอบคลุมกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (A1, A2 และ A3)
อย่างไรก็ตามต้องเป็นโครงการที่มีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 12 เดือน ภายหลังออกบัตรส่งเสริม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50 % เป็นระยะเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2565 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565
นอกจากนี้ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอยังเห็นชอบการส่งเสริมการลงทุนอีกกว่า 26,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความพร้อมด้านพลังงาน พร้อมยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค เช่น
-บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เงินลงทุน 3,656.19 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles-BEV) ประมาณ 6,000 คัน รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) ปี 50,000 คัน และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ปีละประมาณ 65,805 ชิ้น
- บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินอล จำกัด เงินลงทุน 3,434.36 ล้านบาท ในโครงการ ท่าเทียบเรือ 02 ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการขนถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ปีละประมาณ 812,000 ทีอียู โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักจากประเทศญี่ปุ่น จีน และเยอรมนี
- บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) เงินลงทุน 2,700 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากพลังงานอื่น ๆ ในระบบ