ฟื้นตัวหลังตลาดรับความกังวลระยะสั้นแล้ว
คาดระยะสั้นฟื้นตัวหลังตอบรับโอมิครอนไปพอสมควร ตลาดหุ้นต่างประเทศฟื้นตัว หลังตอบรับความกังวลระยะสั้นเกี่ยวกับการระบาดไปแล้ว
ขณะที่สหรัฐฯ ยืนยันไม่มีการใช้มาตรการปิดเมือง รวมถึงอังกฤษยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มระดับของมาตรการในช่วงก่อนปีใหม่นี้ เราประเมินหากพัฒนาการของสถานการณ์ไม่ได้ลุกลามจนนำไปสู่การเพิ่มของผู้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว จนต้องใช้มาตรการรุนแรงที่สกัดการระบาดเพิ่ม ตลาดหุ้นโลกน่าจะเริ่มทยอยฟื้นตัว สำหรับประเทศไทย การปิดระบบการเดินทาง (Thailand pass) 2 สัปดาห์ เพื่อทบทวนและปรับมาตรการรับมือความเสี่ยงของการระบาด จะช่วยจำกัดหรือชะลอความเสี่ยงของการระบาดออกไป ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศลงทุนในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปีเป็นแนวคิดที่ดี ครม.อนุมัติชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีผลในช่วงต้นปีหน้า ถือเป็นแนวคิดที่ดี โดยเฉพาะโครงการ ช้อปดีมีคืน คนละ 30,000 บาท (วงเงิน 42,000 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ม.ค.-15 ก.พ.65) ที่น่าจะช่วยเพิ่มการใช้จ่ายในจังหวะที่มีความเสี่ยงของการระบาดที่อาจเพิ่มขึ้นหลังช่วงปีใหม่ ขณะที่โครงการคนละครึ่งเฟส 4 (ที่ยังไม่กำหนดวงเงิน ระยะเวลา 1 มี.ค.-30 เม.ย.) จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงถัดมา ขณะที่มาตรการเที่ยวด้วยกัน เราคาดว่ารัฐบาลรอประเมินผลการระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น และอาจใช้มาตรการดังกล่าวสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวหลังช่วงดังกล่าวอีกครั้ง // ทั้งนี้ภาพรวมของการกระตุ้นการบริโภคผ่านช้อปดีมีคืน คาดส่งผลบวกต่อบจ.ในกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ COM7, IT, SYNEX, SIS, JMART, SPVI, CPW, HMPRO, DOHOME, ZEN, M, CRC เป็นต้น
คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม ขณะที่น่าจะเห็นการยืนยันทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ภาพรวม GDP ของอาเซียนปี 2565 ที่เติบโตมากกว่า 2564 ถือเป็นภาพที่โดดเด่นมากกว่าภูมิภาคอื่นของโลก และน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสได้รับการจัดสรรเม็ดเงินลงทุน (asset allocation) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราคาดว่าอาจทำให้เห็น fund flow ไหลเข้าภูมิภาคโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก 2565
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED อาจฟื้นช่วงสั้น แต่เราคงมุมมองระวังจากกำไรที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยชอบ RAM
ภาพรวมกลยุทธ์: ฟื้นตัวในกรอบ 1,608-1,650 จุด หลังกังวลโควิดผ่อนคลายลง และมาตรการของขวัญปีใหม่ คาดสร้างจิตวิทยาบวกต่อการลงทุน สำหรับผู้เก็งกำไร SET Index ไม่ควรย่อต่ำกว่า 1,600 จุด เพราะความเสี่ยงทางลงอาจไกลถึง 1,520-1,550 จุด//หุ้นแนะนำ: CRC*, ONEE, FSMART*, TKN*
แนวรับ: 1,608-1,620 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
สหรัฐพบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรก – สหรัฐเปิดเผยว่าพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนรายแรก เป็นชายวัย 50 ปีซึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว
ไทยระงับ Test&Go - ศบค.สั่งยกเลิกมาตรการเข้าประเทศแบบ Test & Go กลับมาใช้วิธีกักตัว 14 วัน ถึง 4 ม.ค.65
คลังปรึกษาสรรพากรภาษีหุ้น – กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการให้กรมสรรพากรไปศึกษาหาช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม และดูความเป็นไปได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากประเทศไทยมีการยกเว้นเก็บภาษีดังกล่าวมาแล้วกว่า 30 ปีจากปี 2534
MAKRO – รายงานการขายหุ้น RO พบเหลือขายไม่หมด 140 ล้านหุ้น คิดเป็น 15.38% ของจำนวนที่เสนอขาย สำหรับหุ้นที่จองซื้อได้ จะเข้าซื้อขาย 24 ธ.ค.
JMT อนุมัติร่วมลงทุนกับ KBANK – โดยจะเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน (JV) ที่ KBANK ถือหุ้นมากกว่า 50% ในธุรกิจติดตามหนี้ และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
Opportunity day –23 ธ.ค. – RCL, KUMWEL, TSR, GTB, SALEE, AIT / 24 ธ.ค. – HFT, FVC, SONIC
ประเด็นติดตาม: - 22 ธ.ค. – ประชุม กนง., US GDP 3Q21
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)