‘สุพัฒนพงษ์’ ชง ครม.สัปดาห์หน้า เคาะมาตรการจูงใจซื้อรถ EV
คนใช้รถEV เตรียมเฮ “สุพัฒนพงษ์” แง้ม “คลัง” เตรียมเสนอครม.เคาะมาตรการจูงใจสัปดาห์หน้า ระบุ หากไม่ทันจ่อเสนออีกครั้งหลังปีใหม่2565 ระบุ เทคโนโลยีดิสรัปชั่น ตัวแปรสำคัญนำไทยสู่ Net Zero
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงาน IEEE PES Dinner Talk Post-COVID Expectation : A Power and Energy Dialogue with New Governors of Electric Utilities จัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ว่า ในการส่งเสริมการใช้รถยานยนต์ไฟฟ้าหรือ อีวีนั้น ถือเป็นอีกโครงการสำคัญที่รัฐบาลเน้นความสำคัญในการผลักดันให้ประชาชนในประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นเพื่อก้าวสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้มุ่งสู่ Net zero ของรัฐบาลไทยตามที่ได้ประกาศไว้ในเวที COP26 โดยไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี2065
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและเหลือรายละเอียดที่ต้องเพิ่มเติมอีกไม่มาก โดยคาดว่าจะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากสัปดาห์หน้าคือสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.2564 นำเสนอไม่ทัน ก็อาจจะต้องเลื่อนไปเป็นช่วงหลังการหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยจะต้องนำเสนออีกครั้งในช่วงต้นเดือนม.ค.2565 ทั้งนี้ มองว่า ประชาชนให้ความสนใจในเรื่องของรถอีวีมากขึ้น มองว่าเป้าการใช้รถอีวีจะสูงกว่าที่บอร์ดอีวีได้ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการผลักดันประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมายของประเทศ ซึ่งหากมีข้อเสนอแนะก็อยากให้นำเสนอมาที่กระทรวงฯ หรือหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวง เพื่อเป็นส่วนในการบอกถึงปัญหาต่างๆ ที่จะให้รัฐบาลได้เห็นภาพต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น
“การเข้ามาของเทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสำเร็จหรือไม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าประชาชนมีการปรับตัวได้ดี กระทรวงพลังงานมีส่วนสนับสนุ
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับมาตรการจูงใจซื้อรถอีวีจะเป็นมาตรการระยะยาวประมาณ 4-5 ปี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยปรับมาใช้รถอีวีกันมากขึ้น รายละเอียดมาตรการจะมีทั้งการลดภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร และรัฐบาลให้เงินอุดหนุนภายใต้กรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถอีวีประมาณ 300,000 คันในระยะเวลา 5 ปีตั้งแต่ปี 2565
โดยการดำเนินการกรมสรรพสามิตจะขอตั้งงบฯ กลางวงเงิน 40,000 ล้านบาท สำหรับดำเนินมาตรการจูงใจให้ประชาชนซื้อรถอีวี โดยปี 2565 จะขอวงเงินก้อนแรกก่อน 3,000 ล้านบาท ประเมินว่าช่วงต้นปีหน้าจะมียอดจองรถอีวีกว่า 4,000 คัน ส่วนยอดทั้งปีตั้งเป้าสนับสนุนการใช้รถอีวีให้ได้กว่า 7,500 คัน จากนั้นในปีงบประมาณต่อๆ ไปจะมีการเสนอขอทบทวนเรื่องวงเงินอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการซื้อรถอีวีของประชาชน เป็นต้น