"สุพัฒนพงษ์" ชูนโยบายเปิดประเทศยั่งยืน ดูแลกลุ่มเปราะบาง-สร้างโอกาสศก.
“สุพัฒนพงษ์” ย้ำนโยบายเปิดประเทศยั่งยืน มั่นใจรับมือโอมิครอนได้ หลังWHO จ่อแถลงไม่รุนแรง เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้า 100 ล้านโดส
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “เปิดเมือง เปิดประเทศ เศรษฐกิจไทยจะไปทางไหน” จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ วานนี้ (13 ธ.ค.) ว่าหลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากโควิิด-19 มาเป็นระยะเวลา 2 ปี ในปีหน้า 2565 จะเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศไทยในการฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาโดยในส่วนที่จะฟื้นได้ก่อนคือเศรษฐกิจในประเทศ และการลงทุน ส่วนการท่องเที่ยวจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่รัฐบาลมีแผนที่จะดึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงเข้าประเทศ
ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำให้ได้โดยความร่วมมือของประชาชนก็คือการเปิดประเทศอย่างยั่งยืน คือเปิดประเทศให้ได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากประสบการณ์การรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลสิ่งที่มีความสำคัญก็คือต้องพยายามควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส เพื่อรักษาการเปิดประเทศให้ได้อย่างยาวนานมากที่สุด เนื่องจากการเปิดประเทศได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ที่สำคัญการเปิดประเทศช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กลุ่มคนเปราะบางที่มีรายได้น้อยซึ่งเริ่มมีโอกาสที่จะมีรายได้กลับมาได้มากขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดที่มีการปิดประเทศหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมาก ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่าผลกระทบจากโควิด-19 โดยต้องพักการชำระหนี้ประมาณ 6 ล้านบัญชี และส่วนหนึ่งเป็นปัญหาในเรื่องของหนี้ที่ไม่ก่อรายได้ (NPL) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนโยบายการเปิดประเทศและไม่ล็อกดาวน์ก็เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจในส่วนนี้
สำหรับความรุนแรงของเชื้อโอมิครอนจากข้อมูลที่ติดตามจากต่างประเทศ พบว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีการติดได้ง่าย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ซึ่งเร็วๆนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะมีการแถลงยืนยันข้อมูลในส่วนนี้ โดยในส่วนของวัคซีนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมีความพร้อมที่จะปรับสูตรวัคซีนให้ได้รับวัคซีนชนิดใหม่ โดยมีการเข้าไปทำการวิจัยในพื้นที่แอฟริกาที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนตั้งแต่ 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีข้อมูลเบื้องต้นว่าผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโอมิครอนเชื่อว่าจะไม่มีการเจ็บป่วยที่มาก เรามีการสำรองและเตรียมยาไว้พร้อม ขณะที่วัคซีนที่เรามีคำสั่งซื้อวัคซีนสำหรับปีหน้าไว้ 120 ล้านโดส และเราสามารถที่จะขอให้ส่งวัคซีนที่มีการปรับสูตรการรับมือกับโอมิครอนได้
รัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและจะมีการติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ไทยว่าเราจะขอปรับสูตรใหม่เพื่อรองรับสายพันธุ์ใหม่ จึงมั่นใจว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์สามารถที่จะรับมือการแพร่ระบาดได้
“การเปิดประเทศอย่างยั่งยืนมีความจำเป็น ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจทั้งภาคการท่องเที่ยว และภาคส่วนอื่นๆให้สามารถเดินหน้าต่อไปด้วย ความร่วมมือของประชาชนในประเทศในการระมัดระวังไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศเป็นวงกว้างทำให้การเปิดประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ต้องทำให้มีความต่อเนื่อง”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว